xs
xsm
sm
md
lg

ตีกรรเชียงหนีปัญหา “ยิ่งลักษณ์” ถนัดจริงๆ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สะเก็ดไฟ

ในขณะที่บรรยากาศบ้านเมืองเริ่มร้อนระอุขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นความพยายามของนักโทษที่ลอยคออยู่ในมหาสมุทร หาทางกลับบ้านไม่เจอเพราะไม่มีใครอยากให้กลับแม้กระทั่งคนที่อ้างว่ารักยังอยากให้อยู่ต่างแดน

เนื่องจากเห็นแก่ตัวเองมากกว่า เพราะเกรงว่าถ้านักโทษที่บ้าคลั่งในการใช้อำนาจไดักลับมาแบบเท่ๆ จะทำให้คนเหล่านั้นหมดความสำคัญ

หรือแม้แต่ปัญหาโครงการจำนำข้าวที่นับวันเริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็นจนกลบไม่มิด เพราะทั้งขาดทุน ถังแตก ธ.ก.ส.เริ่มขาดสภาพคล่อง ระบายข้าวไม่ออก สต๊อกล้น ข้าวเน่า ชาวนาไม่ได้เงิน จนเตรียมที่จะบุกเข้ากรุงตรงดิ่งไปทำเนียบรัฐบาลเพื่อประท้วงความห่วยแตกของรัฐบาลที่มีชาวนาเป็นฐานการเมืองสำคัญ

แต่สิ่งที่เราได้ยินจากปากของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งนั่งแท่นในตำแหน่งผู้นำประเทศ กลับแสดงให้เห็นว่าไม่เพียงมีแต่ความกลวงในสมองเท่านั้น แต่เธอผู้นี้ยังน่ารังเกียจตรงที่ขาดความรับผิดชอบต่อประชาชนและประเทศชาติโดยสิ้นเชิง ดังจะเห็นได้จากคำสัมภาษณ์ที่ว่า

กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สไกป์ว่า “ไม่อยากให้นายกรัฐมนตรีบริหารประเทศเพียงอย่างเดียว โดยไม่สนใจด้านการเมือง” นั้น นายกฯ กล่าวว่า การบริหารประเทศกับเรื่องการเมืองเป็นสิ่งคู่กัน แต่การบริหารในวันนี้ไม่ได้หมายความว่าต้องไปเกี่ยวข้องกับการร่าง พ.ร.บ.ใดๆ แต่เป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารมีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชน คือการเดินหน้าแก้ไขเศรษฐกิจ ส่วนงานการเมืองคือการทำอย่างไรให้ประชาชนมีความสามัคคี ปรองดองและประเทศชาติสงบสุข ซึ่งเรื่องกฎหมายต่างๆ ก็จะเป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ

ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดนี้จะหลุดออกจากปากของคนที่จบรัฐศาสตรบัณฑิต เพราะเนื้อหาไม่ได้มีส่วนใดแสดงให้เห็นกึ๋นหรือความเข้าใจต่อหลักการบริหารบ้านเมืองแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามกับบอกถึงขี้เลื่อยในสมองและการแสดงออกถึงการไร้ความรับผิดชอบ

จนอยากให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่เป็นผู้ประสิทธิประสาทวิชาความรู้ให้กับนางสาวยิ่งลักษณ์ ไปทบทวนว่าควรเรียกปริญญากลับคืนมาหรือไม่

ประเด็นที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ้างว่า ฝ่ายบริหารมีหน้าที่ดูแลทุกข์ สุขประชาชน แก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยแบ่งแยกเอาเรื่องความสามัคคี ปรองดองไปเป็นเรื่องทางการเมืองนั้น นับเป็นการสะท้อนความอ่อนด้อยทางความคิดโดยแท้ ไม่ว่าจะเป็นแกล้งโง่ หรือโง่ถาวรก็ตาม

เพราะการสร้างความสามัคคี ปรองดองนั้นมิใช่เรื่องของการเมืองแต่เป็นเรื่องของบ้านเมือง และเป็นหน้าที่ของคนเป็นผู้นำประเทศจะต้องบริหารเพื่อนำบ้านเมืองไปสู่ความสามัคคี ปรองดอง ไม่เช่นนั้นเรื่องนี้คงไม่ถูกกำหนดเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปอ่านโพยนานหลายชั่วโมงต่อรัฐสภา

เนื้อหาในนโยบายที่เขียนไว้สวยหรูมีทั้งหมด 44 หน้า โดยพูดถึงการเปลี่ยนผ่านทางด้านการเมือง ความขัดแย้ง ว่ามีผลต่อความเชื่อมมั่นทางเศรษฐกิจและการวางพื้นฐานเพื่ออนาคตในระยะยาว จึงมีนโยบายที่จะนำประเทศไทยไปสู่สังคมที่มีความปรองดองสมานฉันท์และอยู่บนพื้นฐานของหลักนิติธรรมที่เป็นมาตรฐานสากลเดียวกัน และมีหลักปฏิบัติที่เท่าเทียมกันต่อประชาชนคนไทยทุกคน

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ 16 นโยบายสำคัญเร่งด่วนที่จะเริ่มดำเนินการในปีแรกนั้น มีเรื่องการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ของคนในชาติและฟื้นฟูประชาธิปไตย เขียนไว้เป็นอันดับแรก แต่นางสาวยิ่งลักษณ์ กลับอ้างว่าเรื่องการสร้างความปรองดองว่าเป็นเรื่องการเมืองไม่เกี่ยวกับการบริหาร

ใครที่มีส่วนผลักดันให้ผู้หญิงคนนี้ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี พึงสังวรไว้ด้วยว่า เป็นพฤติกรรมที่ทำร้ายประเทศไทยมากกว่าการใช้กำลังเผาบ้านเผาเมืองเพื่อช่วงชิงอำนาจเสียอีก เพราะตลอดเวลา 4 ปีที่ ยิ่งลักษณ์เถลิงอำนาจไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่าความย่อยยับ ฉิบหายของชาติจะขยายวงกว้างออกไปอีกมากแค่ไหนภายใต้การบริหารของนายกฯคนแรกของไทย

เป็นไปได้อย่างไร คนเป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับเลือกจากเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร จะมีความเข้าใจทางการเมืองแบบเด็กอนุบาลว่าเธอลอยตัวออกจากฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่มีความยึดโยงกันอีก ทั้งๆ ที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้มาจากสภาเป็นคนมอบให้ และเสียงข้างมากของสภาก็อยู่ภายใต้การควบคุมของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลมีพี่ชายนักโทษของเธอเป็นเจ้าของ

การท่องคาถาเดียวว่าออกกฎหมายนิรโทษกรรมเป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ จึงเป็นบทสะท้อนถึงการไม่รับผิดชอบต่อประชาชนอย่างน่าอัปยศยิ่งสำหรับคนที่อาสามาเป็นตัวแทนประชาชนเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน

ที่น่าเศร้าไปกว่านั้น คือ เรื่องที่เป็นความทุกข์ยากแสนสาหัสของชาวนาที่เป็นฐานเสียงสำคัญให้ ยิ่งลักษณ์ เหยียบบ่าขึ้นมาเป็นใหญ่นั้น กลับไม่ได้อยู่ในสายตาหรือความสนใจของผู้หญิงคนนี้เลยแม้แต่น้อย ดูได้จากปัญหาจำนำข้าวที่เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสต็อคข้าวที่จำนำจนล้นโกดังมีอยู่เท่าไหร่ ไม่รู้ว่าการระบายข้าวจีทูจีเป็นอย่างไร โครงการขาดทุนย่อยยับแค่ไหน นอกจากทำเสียงออดอ้อนในสภาว่า “ให้ชาวนาเถอะค่ะ” แต่ไม่เคยดูดำดูดี กระดูกสันหลังของชาติที่กำลังชักหน้าไม่ถึงหลังเป็นหนี้นอกระบบท่วมหัว จากความล่าช้าในการดำเนินโครงการจำนำข้าวเพราะรัฐบาลถังแตก ธกส.ขาดสภาพคล่องที่จะนำเงินมาทำโครงการให้ จนชาวนาจำนวนมากไม่ได้เงิน

แถมล่าสุด คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. มีมติเพิ่มหลักเกณฑ์การรับจำนำข้าวว่าต้องเป็นผลผลิตที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 100 วัน ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ยิ่งลักษณ์เคยหาเสียงไว้ว่าจะรับจำนำทุกเม็ด โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพข้าว

ทุกคำถามเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นไม่มีคำตอบที่ชัดเจนจากนายกรัฐมนตรีที่มีฐานะเป็นประธาน กขช. นอกจากการยืนกระต่ายขาเดียวว่าไม่ยกเลิกโครงการ ส่วนจะหยุดความฉิบหายของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโครงการนี้อย่างไร ไม่เคยมีคำตอบจากหัวที่มีเอาไว้แค่คั่่นหูเท่านั้น

เรื่องที่ควรรู้ไม่เคยรู้ แต่ถนัดนักในเรื่องตะแล๊ดแต๊ดแต๋ที่ไม่ใช่เรื่องจำเป็น เช่น การเสนอหน้ากำหนดแนวทางการประหยัดพลังงาน ด้วยการให้ ครม.ตัดชุดฝ้าไทยคนละสองชุดด้วยเงินภาษีของประชาชน ถ้ามีใครถาม ยิ่งลักษณ๋ เรื่องนี้ก็จะเจื้อยแจ้วอย่างภูมิอกภูมิใจว่าเป็นผู้คัดเลือกแบบเองถึงขนาดกำหนดเป็นหนึ่งในวาระของการประชุมครม.เลยทีเดียว

จะว่าไปแล้ว แค่ “ยิ่งลักษณ์” พอมีหัวสมองคิดเรื่องแต่งตัวได้ โดยไม่แก้ผ้าประจานความฉาวก็นับเป็นบุญของคนไทยแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น