หน.ปชป.ย้อนรอง ปธ.สภาฯ ไปคุยกับคนยื่นร่าง พ.ร.บ.ปรองดองให้ถอนจากสภา เพื่อปลดปมขัดแย้ง ก่อนเรียกตนคุย ชี้ “นช.แม้ว” เผยเจตนาชัดสไกป์เข้า พท.บอกอยากกลับ จี้ปล่อยครอบงำ บ้านเมืองมีแต่เสี่ยง ยันพวกก่อความรุนแรงไม่ควรล้างผิด หวั่นเป็นต้นแบบชุมนุมรุนแรง เย้ยเป็นประจำนายกฯ ชิ่งออกต่างประเทศหนีปัญหา ย้ำหนีไม่พ้น
วันนี้ (12 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 จะเชิญตนไปหารือร่วมกับวิปรัฐบาลในการถอนร่างกฎหมายปรองดองจำนวน 4 ร่างที่ค้างอยู่ในสภาฯ ว่า เมื่อมีการบอกว่าประธานสภาไม่มีอำนาจในการถอน 4 ร่างกฎหมายดังกล่าวแล้วจะเชิญตนไปพูดคุยทำไม และการถอนก็ไม่ได้เกี่ยวกับตน เป็นเรื่องที่ประธานสภาต้องไปคุยกับผู้เสนอร่างฯ ไม่จำเป็นต้องเอาตนไปเกี่ยวข้อง ถ้าท่านมีความจริงใจและเห็นว่า 4 ฉบับที่ค้างอยู่เป็นปมความขัดแย้งก็ต้องไปเจรจากับคนที่ก่อปมขัดแย้ง ถ้ามาคุยกับตนแล้วตนจะทำอะไรได้ คงไม่ได้ประโยชน์อะไร เพราะทั้งหมดขึ้นอยู่กับคนเสนอร่างฯ ที่มีอำนาจในการถอน การที่จะให้ฝ่ายค้านและรัฐบาลมาคุยกัน อยากบอกว่าตนไม่มีอะไรขัดแย้ง แต่อยากบอกว่ากฎหมาย 4 ฉบับเป็นปัญหาต่อบ้านเมือง การที่ทุกฝ่ายยืนยันว่าไม่ได้คิดจะช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถ้าจริงใจตนก็ขอให้ถอนร่างฯ ออกไป โดยนายเจริญควรไปคุยกับคนที่มีอำนาจในการถอนเพื่อแสดงความจริงจังในแนวคิดการปรองดอง ถ้าทำเสร็จแล้วอยากคุยเรื่องนิรโทษกรรมก็ค่อยมาว่ากัน แต่ไม่ควรเอาตนและพรรคประชาธิปัตย์หรือกลุ่มอื่นที่ไม่เห็นด้วย ไปเป็นเงื่อนไขในการถอนหรือไม่ถอน แต่ถ้านายเจริญยังไม่เข้าใจก็คงคุยกันยาก
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า การที่บอกว่าการเดินหน้าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ในการประชุมพรรคเพี่อไทยเมื่อวันที่ 11 มีนาคมก็ยังมีการทวงอยู่ว่าอยากกลับบ้าน ซึ่งแสดงว่ามีเจตนาซ่อนเร้นอยู่ แต่ถ้าจะไม่อยากให้มองว่ามีเจตนาซ่อนเร้นก็ต้องทำให้พวกตนดูก่อน เช่น การพูดคุยให้มีการถอน 4 ร่างกฎหมายออกไป รัฐบาลจะประกาศเจตนารมณ์ได้หรือไม่ ว่าขอบเขตการนิรโทษกรรมอยู่ตรงไหน ซึ่งการที่ พ.ต.ท.ทักษิณสไกป์มาก็ยิ่งทำให้มีความขัดแย้งเพิ่มขึ้น ตนคิดว่าถ้าอยากปรองดองจริงควรลดเลิกประโยชน์ส่วนตน ส่วนพวก เพราะถ้าให้ พ.ต.ท.ทักษิณครอบงำอยู่อย่างนี้บ้านเมืองก็มีความเสี่ยงไปเรื่อยๆ ถึงเวลาที่จะก้าวพ้นได้แล้ว
เมื่อถามว่า ตัวเลขผู้ที่ถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ที่มีคดีอุกฉกรรจ์ คนเหล่านี้ควรได้รับการนิรโทษกรรมหรือไม่ ตนยืนยันว่าผู้ที่ใช้ความรุนแรง ทำความผิดทางอาญา ไม่สมควรได้รับการนิรโทษกรรม เพราะจะทำให้หลักการการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ต้องปราศจากอาวุธได้รับผลกระทบ และจะเป็นการส่งสัญญาณให้ต่อไปในอนาคต การต่อสู้ทางการเมืองมีแต่ความรุนแรง และจะเป็นสัญญาณว่าการต่อสู้จะใช้วิธีไหนก็ได้ พอมีอำนาจแล้วก็มาล้างผิดให้ตนเอง
เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่นายกรัฐมนตรีมีภารกิจเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้งในช่วงที่มีการผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นยุทธศาสตร์เดิมในการกันนายกฯ ออกไป แต่สุดท้ายปัญหาที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองจะกระทบกับทุกคนซึ่งนายกฯสามารถหาข้อยุติในเรื่องนี้ได้ ควรรีบตัดสินใจว่าเลิกพาบ้านเมืองเข้าสู่ความเสี่ยง เพราะฝ่ายค้านพร้อมให้ความร่วมมือกับนายกฯ ในการบริหารประเทศ