มท.1 รับพันธมิตรฯ และฝ่ายค้านไม่ร่วมวง “เจริญ” เป็นอุปสรรค ชี้ถ้าเดินหน้าต้องประเมินก่อน แต่หนุนพวกตกผลึกขับเคลื่อนตามกฎหมาย ด้าน “เฉลิม” บอกกลับจากใต้ก่อนจะพูด “พงศ์เทพ” ชี้ต้องใจเย็นๆ ชูเห็นพ้องปล่อยผีพวกร่วมม็อบเฉยๆ ปธ.วิปรัฐบาล เผยที่ประชุมยังไม่คุย กม.นิรโทษฯ ฉบับแดง ยังไม่เลื่อนเข้าสภาวาระด่วน ยันไม่โหวต 4 ฉบับค้าง หนุนวงรอง ปธ.สภาฯ เชื่อสุดท้ายยำทุกฉบับออก พ.ร.บ.
วันนี้ (11 มี.ค.) ที่กระทรวงมหาดไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เรียกประชุมฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองมาหารือที่รัฐสภาในวันนี้ (11 มี.ค.)ว่า การที่กลุ่มผู้เกี่ยวข้องบางกลุ่มไม่ร่วมประชุมในวันนี้คงเป็นอุปสรรค แต่ปัญหาหรืออุปสรรคเป็นเหตุผลของทุกฝ่ายที่ต้องศึกษาอย่างรอบด้านให้ชัดว่าใครถูกใครผิด เหตุผลของใครมีน้ำหนัก ไม่มีเหตุผลของใครถูกหรือผิดร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจึงต้องมีการพูดคุยกัน ส่วนการพิจารณาที่จะเดินหน้าต่อไปคงต้องประเมินทุกอย่าง ในเรื่องของเสถียรภาพและความถูกต้องชอบธรรม โดยระหว่างนี้คนที่มีความคิดตกผลึกแล้วว่า นี่เป็นความคิดที่ถูกต้องแล้วจึงขับเคลื่อนออกมา ถือเป็นแนวทางหนึ่งไม่ได้ผิดอะไร ถ้าการขับเคลื่อนอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายเป็นสิ่งที่สามารถทำได้
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และส.ส.จำนวน 42 คน ยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมต่อสภาว่า ไม่พูดเรื่องนี้เพราะตนยังไม่ได้อ่านร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งกฎหมายต้องอ่านก่อนค่อยแสดงความเห็นได้ เดี๋ยวตนขออ่านก่อน ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงเวลานี้เหมาะสมหรือไม่ที่จะเดินหน้า รองนายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวกลับจากภาคใต้แล้วจะบอก
ทางด้านนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯ และรมว.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ว่า ความจริงเรื่องนี้มีความเห็นตรงกันบางส่วน ต้องค่อยๆ ฟังว่าควรจะมีหรือไม่ หรือถ้ามีจะเป็นการนิรโทษกรรมให้กับกลุ่มคนที่เขาทำอะไรผิด เท่าที่ฟังดูขณะนี้เหมือนจะมีความเห็นคล้ายๆ กันหลายเรื่อง เวลาเราพูดถึงเรื่องนิรโทษกรรม หลายส่วนบอกว่าไม่ควรจะไปดำเนินคดีกับคนที่ออกไปชุมนุมเฉยๆ ควรจะนิรโทษกรรมให้เขา ดังนั้นชัดเจนว่ามีความเห็นพ้องกันบางส่วนอยู่เหมือนกัน ก็ต้องใจเย็นๆ ก่อน
ขณะที่เมื่อเวลา 10.45 น. นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวภายหลังการประชุมวิปรัฐบาลว่า การประชุมวิปรัฐบาลวันนี้เป็นการพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาในวันที่ 13 และ 14 มี.ค. โดยไม่มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับของนายวรชัย ขณะเดียวกันก็ยังไม่มีมติที่จะต้องเลื่อนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วน เนื่องจากยังมีกฎหมายที่ค้างการพิจารณาในสภาอยู่หลายฉบับ โดยในสัปดาห์นี้จะเป็นการพิจารณาระเบียบวาระปกติ และไม่มีระเบียบวาระการประชุมเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมอยู่ในวาระการพิจารณา เพราะต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน โดย พ.ร.บ.ดังกล่าวเพิ่งยื่นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และอยู่ในขั้นตอนของประธานสภารับไว้เท่านั้น ซึ่งประธานสภาจะต้องรอบรรจุระเบียบวาระเสียก่อน และเมื่อบรรจุแล้วหากต้องการเลื่อนขึ้นมาก็ต้องมีการพิจารณาในสภาอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายวรชัยจะใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.เสนอขึ้นมาพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วน นายอำนวยกล่าวว่า สามารถใช้เอกสิทธิ์เสนอได้ แต่จะต้องใช้ผู้รับรองถึง 250 เสียงขึ้นไป ซึ่งหากนายวรชัยเสนอขึ้นมาให้พิจารณาเป็นวาระด่วนก็จะต้องพิจารณากันในสภาว่าสมควรจะนำขึ้นพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วนหรือไม่ โดยการโหวตถือเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.แต่ละคนว่าจะเห็นว่าควรจะนำมาพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วนหรือไม่
เมื่อถามว่า เหตุใดไม่นำมาพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วน นายอำนวยกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องพิจารณาหลายๆ ฝ่าย อย่างที่นายเจริญดำเนินการอยู่ คือ เชิญทุกหน่วยงานมาร่วมประชุมกันให้ตกผลึกก่อน และตั้งกรรมาธิการวิสามัญมาพิจารณาเพื่อให้ออกมาเป็น พ.ร.บ. และไม่รู้ว่าจะสรุปออกมาอย่างไร ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ส่วนใครที่จะเสนอกฎหมายก็เสนอไปและใครจะประชุมหารืออย่างไรก็ทำคู่กันไป ท้ายที่สุดทั้งหมดมีกี่ฉบับก็จะรวมกันเพื่อนำมาพิจารณา
ประธานวิปรัฐบาลกล่าวว่า ยืนยันว่าจะไม่มีการนำ พ.ร.บ.ปรองดอง 4 ฉบับที่ค้างอยู่ในสภามาพิจารณา เพราะถ้าไม่มีใครหยิบขึ้นมาพิจารณาก็อยู่อย่างนั้น เพราะในสภาทุกคนรู้เท่าเทียมกันหมด คือต้องเอาสิ่งที่มีเหตุมีผลเข้ามาคุยกัน ส่วนใครจะเสนอกฎหมายอะไรก็เสนอได้ ขณะที่การพูดคุยก็ดำเนินต่อไป ดังนั้นอย่าไปคาดการณ์อะไรให้เกินขอบเขต
