xs
xsm
sm
md
lg

“ชัชชาติ” โวเงินกู้ 2 ล้านล้าน พลิกประเทศ ปชช.ได้ประโยชน์เต็มๆ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ (แฟ้มภาพ)
รมว.คมนาคม แจงกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เล็งพัฒนาระบบขนส่งทุกมิติ เน้นเปลี่ยนถนนเป็นราง ลดรายจ่าย ย่นเวลาเดินทาง ยัน ปชช.มีแต่ได้ประโยชน์ วอนอย่ามองเป็นจุดอ่อนถ้าไม่ทำล้าหลังประเทศเพื่อนบ้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 มี.ค.) ช่วงที่ 2 ของรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตอนนี้โลกไปข้างหน้าแค่อยู่เฉยๆ เราก็ถอยหลังแล้ว ดูอย่างจีนตอนนี้ต่อทางรถไฟเข้าไปถึงโปแลนด์แล้ว สินค้าจากจีนไปถึงได้โดยทางรถไฟแล้ว ลาวเองคุยกับทางจีนแล้วจะต่อรถไฟจากคุนหมิงลงมาที่เวียงจันทน์ รถไฟความเร็วสูง สิงคโปรกับมาเลเซียคุยกันแล้วว่าจะทำรถไฟความเร็วสูงเชื่อมถึงกัน 90 นาที เชื่อมเมืองหลวง รัสเซียก็เตรียมโรสต๊อกเป็นศูนย์การขนส่งสินค้า มีรถไฟความเร็วสูง ญี่ปุ่นก็ใช้รถไฟความเร็วสูงในการเป็นหัวหอกในการพัฒนาเศรษฐกิจ ถ้าเราไม่ทำเราถอยหลัง

ส่วนการพยากรณ์ให้ดูจากนี้ไปราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า บ้านเราใช้ถนนมาก 80% น้ำมันขึ้นไปอย่างนี้ ค่าขนส่งก็จะขึ้นไปเรื่อยๆ นี่คือตัวเหตุผลหนึ่งที่จะต้องพยายามเปลี่ยนจากการขนส่งทางถนนไปทางรางให้มากขึ้น ลูกค้าเปลี่ยนไป เมื่อก่อนเราค้าขายกับทางยุโรป อเมริกา แต่ปัจจุบัน ถ้าเราจะดูตามสัดส่วน อาเซียนเป็นลูกค้าเรามากขึ้น

นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า อาเซียนของเราก็มีความเจริญเติบโตเป็นแหล่งอนาคตใหม่ เพราะฉะนั้น ถามว่ามันมีความสำคัญอย่างไร เราได้เปรียบในแง่เชิงภูมิศาสตร์ ความเชื่อมโยง ถ้าเราทำเชื่อมโยงให้ดี ประเทศคู่ค้าเราเปลี่ยนมาทางอาเซียน เราสามารถแข่งขันเพิ่มศักยภาพ สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ๆ ได้ ก็เป็นอนาคตอันหนึ่ง อาเซียนคือ อนาคตใหม่

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวอีกว่า นอกเหนือจากนั้น ถ้าสังเกตบวกกับ 600 ล้านแล้ว บวกกับจีน 1,400 ล้าน เป็น 2,000 ล้าน นั่นคือ 1 ใน 3 ของประชากรโลก ต้องเชื่อมโยงให้ได้ทุกมิติ ผมว่าจะเป็นภาคส่วนที่สำคัญ ภูมิภาคนี้อาเซียนบวกจีน อาเซียนบวกญี่ปุ่น อาเซียนบวกเกาหลีใต้ อาเซียนบวกนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย เป็นภูมิภาคที่สำคัญครับ ฉะนั้น เราเองก็ต้องเตรียม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวต่อว่า โครงสร้างพื้นฐานแบ่งเป็นสาขา ถนน ราง ท่าเรือ ท่าอากาศยาน ถนนอันดับ 36 รางอันดับ 57 ท่าเรือ 43 ท่าอากาศยาน 28 ยังด้อยกว่าสิงคโปร์ มาเลเซีย อย่างที่เรียนว่าอย่ามองว่าเป็นจุดอ่อน ให้มองว่าเป็นโอกาส เราได้พลิกประเทศ ทั้งหมดอันนี้บางส่วนไม่ได้อยู่ใน 2 ล้านล้านบาท อนาคตเราต้องทำอะไรบ้าง ปัจจุบันเรามีถนนทั้ง 4 เลน 2 เลน มีแผนทำสี่เลนทั่วประเทศนี้ มาตั้งแต่ปี 2538 แล้ว แต่เนื่องจากงบประมาณไม่มียังทำไม่ครบสี่เลน เชื่อมโยง เพราะฉะนั้น เราจะทำ 4 เลนให้ครบมีเพิ่มมาอีกประมาณ 1,000 กว่ากิโลเมตร อีก 3 โครงการทำทางหลวงเชื่อมโยงระหว่างประเทศออกไปอีก 2 เส้นทาง ทางหลวงเก่า 4 เลนที่สภาพไม่ดี บูรณะให้หมด ทำมอเตอร์เวยใหม่อีก 3 เส้น ทำสถานีขนส่งสินค้าอีก 15 แห่ง ทำเส้นทางท่องเที่ยวรอยัลโค้ดริมชายฝั่งด้านอ่าวไทย ทำเกตเวย์แก้ปัญหาในกรุงเทพฯ

ส่วนถนนนั้น นายชัชชาติกล่าวว่า ปัจจุบันเราทิ้งไม่ได้ ถนนค่อนข้างดีอยู่แล้วระดับหนึ่ง เราก็เติมเต็ม ถนนเองเราคงไม่สามารถพลิกจากวันนี้ เป็นรถไฟทั้งหมด 100% ได้ ถนนก็อย่าละเลย รางทำหลักๆ 3 อย่าง รางคู่ทำเพิ่มขึ้นอีก 3,000 กว่ากิโลเมตร เพื่อให้เดินทางได้สะดวกขึ้นความเร็วสูงอีก 4 เส้นทาง ก็กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ กรุงเทพฯ-โคราชฯ กรุงเทพฯ-ระยอง กรุงเทพฯ-หัวหิน รถไฟฟ้าอีก 10 สายในกรุงเทพฯ ประมาณ 400 กว่ากิโลเมตร ทำท่าเรือเพิ่มอีกอย่างน้อย 3-4 แห่ง คือ ชุมพร สงขลา แล้วแถวสตูลท่าเรือในแม่น้ำป่าสัก แหลมฉบังเฟส 3 ก็ต้องทำ ในเฟส 3 นี้อาจจะอยู่ในการลงทุนของรัฐวิสาหกิจเอง ท่าอากาศยานต้องทำ สุวรรณภูมิเฟส 2 ต้องทำแล้วเพราะผู้โดยสารเรา 50 ล้านคนต่อปี แล้วเพิ่มเป็น 65 ล้าน ท่าอากาศยานภูเก็ตต้องเพิ่มทางอากาศ เราโชคดีอย่างหนึ่งเป็นภาคที่มีกำไรมีรายได้ค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้น หลายๆ อย่างรัฐไม่ต้องรับผิดชอบ AOT ทำได้ วิทยุการบินทำได้ การบินไทยทำได้ อันนี้ก็ไม่เป็นภาระให้เราดูในภาพร่วมแล้วมันเป็นในอนาคตของเรา

เมื่อถามว่าการลงทุนครั้งใหญ่จะเอาเงินมาจากไหน จะลงทุนอย่างไร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า หลักๆ ต้องดูก่อนว่ายุทธศาสตร์ของกระทรวงคมนาคมคืออะไร เราใช้ยุทธศาสตร์ 3 ด้านครับ คือว่า Modal Shift หรือการเปลี่ยนจากรถมาเป็นรางให้มากขึ้น การเชื่อมโยง หรือ connectivity การเชื่อมโยงในประเทศ และคือความคล่องตัว mobility ให้เดินทางสะดวกขึ้นเหมือนรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานคร แล้วก็จากนี้เราก็จะพัฒนาในโครงการต่างๆ ก็อย่างมีรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ รถติดสาย เครือข่ายถนน ด่านทั่วประเทศ 40 แห่ง พัฒนาขยายท่าเรือ ลองมองตรงนี้ครับ ว่าเงินจริงๆ แล้วตัว พ.ร.บ.โครงสร้างพื้นฐานก็เป็นแค่ส่วนหนึ่ง อันนี้คือ ประมาณ 2 ล้านล้าน เราอาจจะเอามาจากเงินกู้ในประเทศ บางส่วนอาจกู้นอกประเทศ หรือแล้วแต่กระทรวงการคลังพิจารณา ขณะเดียวกัน เราไม่ได้จบแค่ 2 ล้านล้านบาท มันก็ยังมีส่วนงบประมาณปกติรายปี มีเงินกู้อื่น ซึ่งอาจจะนอกเหนือจาก พ.ร.บ. ซึ่งหน่วยงานอาจจะกู้ และรัฐวิสาหกิจเอง

“การกู้เงินมายังกู้ของเขาเองไม่เกี่ยวกับ พ.ร.บ. นี้ หรือว่าจะเป็น PDP คือว่าในบางส่วนซึ่งเอกชนมาร่วมมือได้ การเดินรถ การบริหารจัดการนี้ก็มารวมกัน ดังนั้น มาจ่ายก่อน 2ล้านล้าน มีส่วนอื่นที่มาประกอบกันด้วย แต่ว่าที่เราพูด เราพูดก้อนนี้เป็นหลัก ตัวกู้เงิน พ.ร.บ. ครับ” รมว.ชัชชาติกล่าว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงรถไฟฟ้าสายสีเขียวนี้คือที่เป็น 4 เลนแล้ว จะเห็นว่ามันจะมีคอขวดอยู่ตามเส้นทางต่างๆ เส้นทางหลัก มันจะมีคอขวดที่เป็น 2 เลนอยู่กระจัดกระจายไปทั่วเลย อันนี้คือตัวที่เราจะปรับให้เป็นถนนเส้นหลัก เป็น 4 เลนทั้งหมด เพราะฉะนั้น มันก็ช่วยให้ที่วิ่งมา 4 เลน ไม่ต้องมาเจอคอขวด ปรับแนวหลัก จะปรับให้เป็น 4 เลน ถนน 4 เลนเดิมที่มันมีความทรุดโทรมอยู่ ก็ปรับซ่อมแซมให้มันดีทั้งเส้น ฉะนั้น ในรูปนี้ก็จะมีการปรับรวม มีการเพิ่มเส้นทางรถไฟใหม่ เส้นทางรถไฟปัจจุบันจะเห็นได้ว่าไปแค่ 47 จังหวัด จะมีเส้นทางใหม่ที่เพิ่มจากเด่นชัย ขึ้นไปทางเชียงราย แล้วก็มีจากขอนแก่นไปทางนครพนม ในรูปก็จะมีครับ ถนนเพิ่มเป็นยังไง รถไฟเป็นยังไง สีแดงคือ รถไฟทางคู่ ที่เราจะปรับเป็นทางคู่ทั้งหมด สีม่วงคือรถไฟใหม่ จากขอนแก่น-นครพนม จากเด่นชัย-เชียงราย ก็เห็นว่ามันมีโครงข่ายที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมากมายในกรุงเทพฯ เองก็มีรถไฟ 10 สายที่เพิ่มขึ้นมาใหม่

นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า เมื่อเสร็จแล้วที่เรามอง ถ้าขับเข้ากรุงเทพฯ ทางขวามือที่เป็นรางรถไฟ จอดเยอะๆ ใกล้ๆ โรงปูน ถัดไปไกลๆ ก็จะเป็นที่ว่างอยู่ นี่จะเป็นศูนย์กลางของรถไฟความเร็วสูง สายเหนือ สายอีสาน สายใต้ และอาจจะเป็นสายตะวันออกด้วยที่มาเชื่อมที่นี่ รถไฟสายสีแดงที่วิ่งจากนี่ไปรังสิต ที่ไปมหาวิทยาลัยรังสิต ออกไปตลิ่งชันก็มาที่นี่ รถไฟชานเมือง รถไฟทางไกลเชียงใหม่ที่วิ่งขบวนช้าหน่อยก็อยู่ที่นี่ รถไฟสีน้ำเงินก็จะอยู่ใต้ดินแถวนี้ ฉะนั้นตรงนี้จะกลายเป็น Center เป็นศูนย์กลางที่จะมีรถไฟวิ่งเต็มไปหมดเลย จากนี้ ทั้งเข้าและออก ก็จะเป็นศูนย์กลางใหญ่ มีศูนย์การค้า มีอะไรหลายๆ อย่าง อีกประมาณ 3 ปี พอ 3 ปีเสร็จจะใช้สลับสีแดงก่อน จากนั้นรถไฟความเร็วสูงก็มาเสียบเพิ่ม ฉะนั้น ก็ต้องทำชานชาลาเพื่อไว้มี 2 ชั้น ชั้นละ 12 แทร็ก ก็ 24 แทร็ก จะเหมือนเมืองนอกเลย จะเต็มมีทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟสีแดง รถไฟทางไกล รถไฟทางใกล้ ก็สนุกครับ สถานีก็จะคึกคักมาก แล้วต่อไปรถไฟที่ตัดกรุงเทพฯ ที่ตัดถนนแถวแจ้งวัฒนะ แถวงามวงศ์วาน ที่ต้องรอแกร๊งๆ ก็ไม่มีแล้ว เพราะมันจะยกระดับทั้งหมด ก็จะไม่ต้องมีรถติดรถไฟแล้ว ก็จะดีขึ้น จะวิ่งเข้ามาเสียบ จะยกระดับเข้ามาที่บางซื่อ

“ผมว่านี้เป็นการสรุปครับ ขั้นแรกเลยถ้าเกิดดูก็คือสร้างโอกาสใหม่ ในแง่ของประชาชนทุกคน เส้นทางที่ใหม่ การเชื่อมโยง การพัฒนาโครงข่ายที่ดีขึ้น คือทุกคนมีโอกาสใหม่ๆ มีการสร้างเมืองใหม่ โอกาสใหม่ๆ พี่น้องประชาชน ไปมาหาสู่กันสะดวกขึ้น ลดเวลาการเดินทางมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ลดต้นทุน นี่ก็หัวใจเหมือนกัน นะครับ ลอจิสติกส์จาก 5.2% ของ GDP เราพยายามจะลดลงเหลือ 3.2%ให้ได้ ซึ่งตรงนี้อย่างเดียวมูลค่า ก็เป็น 2 แสนกว่าล้านบาทแล้ว ต้นทุนลอจิสติกส์นะครับ” รมว.คมนาคมกล่าว

ส่วนเรื่องลดการใช้พลังงานน้ำมัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การลดเชื้อเพลิงก็เป็นแสนล้านถ้าทำได้ จากถนนมาเป็นรางให้มาก เพิ่มการขนส่งทางราง เพิ่มการขนส่งทางน้ำ และในทุกมิติ เกษตรกรรมก็ดีขึ้น อุตสาหกรรม ลดต้นทุนการผลิต การท่องเที่ยวดีขึ้น ท่องเที่ยวไปมาสะดวกปลอดภัยยิ่งขึ้น การบริโภค ส่งเสริมการบริโภคในประเทศ การส่งออกสะดวกขึ้น ตามด่านชายแดนตามเกตเวย์ต่างๆ และก็มีการลงทุนเอกชนเพิ่มขึ้นตามมมา และก็หนี้ก็ไม่เกิน 50% ของ GDP

เมื่อถามต่อว่านี่คือที่เกิดจากการลงทุน การก่อสร้าง กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวตอบว่าใช่ และจ้างงาน 5 แสนตำแหน่ง เงินเฟ้อจากส่วนนี้ไม่น่ามากประมาณ 0.2% หนี้สาธารณะไม่เกิน 50 ขาดดุลเดินสะพัดไม่เกิน 1 เปอร์เซ็นต์ ก็มี GDP เพิ่ม นี่เป็น Real นี่เป็น Norminal GDP อยู่ 1.3% ก็คือรายได้สุทธิเฉลี่ย 4.4 หมื่นล้านบาทต่อปี ผลตอบแทนทั้งหมด 2.89, 2.79 แสนล้านบาทต่อปี

รมว.คมนาคม กล่าวต่อว่า ไม่เฉพาะรายใหญ่ ทุกคนได้ประโยชน์หมด ในการเชื่อมโยงและก็มีระบบลีดเดอร์ ระบบกระจายไปถึงภูมิภาคด้วย ลูกค้าเราเชื่อมถึงจีนได้จากเรา 60 ล้าน กลายเป็น 1 พัน 3 ร้อยล้าน มีลูกค้าจากเพื่อนบ้าน เพิ่มความเป็นฮับหลายๆ อย่าง นอกเหนือจากด้านตัวเงินแล้ว เศรษฐกิจแล้ว สังคมก็เป็นผลมากเลยครับ ด้านโลกร้อน รถไฟเป็นโหมดที่มีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด อุบัติเหตุถนนเราตายกันปีละหมื่นกว่าคน ถ้าเราเปลี่ยนเป็นรถไฟ เราจะมีความปลอดภัย ลดอุบัติเหตุ ลดการพิการ ลดการสูญเสียมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น