xs
xsm
sm
md
lg

“เจ๊หน่อย” จ่อชุบมือเปิบ จับตาชนวนขัดแย้งรอบใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
รายงานการเมือง

หลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เสร็จสิ้นลงด้วยความพ่ายแพ้ของพรรคเพื่อไทยไม่ทันไร ก็ดูเหมือนจะมีความเคลื่อนไหวเป็นชนวนให้ความขัดแย้งภายในกลับมาปะทุอีกรอบ!!

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตเจ้าแม่ กทม.พรรคไทยรักไทย สวมบทเสือปืนไวโดดเข้าประชุมพรรคเพื่อไทยเรียก ส.ส. ผู้สมัคร ส.ส. ตลอดจน ส.ก.และ ส.ข.มาประชุมร่วมกัน ท่ามกลางความงุนงงว่าหล่อนเข้ามานั่งหัวโต๊ะประธานประชุมได้อย่างไร เพราะนึกว่าการประชุมวันนั้นเป็นการเรียกประชุมจากพรรค

นินทาให้เซ็งแซ่ว่า เป็นการอาศัยช่วงชุลมุนเข้ามาชุบมือเปิบ ดึงกิจการบริหารงาน กทม.เข้าสู่อุ้งมืออีกครั้ง โดยยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยเหนือ แต่เป็นความพยายามฉวยจังหวะเล่นเกมซ่อนเล่ห์เพทุบายตามถนัด!!

ทำเอาบรรดาทีมงานภาค กทม.บางคนเซ็งจิต เพราะป้องปากคุยกันภายในว่าการบริหารงานภายใต้การกำกับดูแลของ “เดอะอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค ดีกว่ายุค “สุดารัตน์” เป็นไหนๆ

เพราะมองว่าใช้ใจบริหารมากกว่าปัจจัยอื่น การเล่นพรรคเล่นพวกก็ไม่มี เอางานเป็นตัวตั้ง ไม่คิดว่าเป็นเด็กเขาเด็กเรา ต่างจาก “เจ๊หน่อย” สิ้นเชิง

สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ฟ้องชัดเจนแจ่มแจ้งว่า “สุดารัตน์” ไม่เคย “รามือ” ไปอย่างเด็ดขาดตามที่ปากพร่ำบอกว่าจะขอหยุดการเมืองสักพักเพื่อไปดำเนินงานทางพุทธศาสนา

พยายามโปรโมตตัวเองให้มีบทบาทเด่นในอีกมิติหนึ่ง ดูดีมีธรรมะ แต่ใครหลายคนส่ายหน้าไม่คิดเชื่อมาตั้งแต่ไหนแต่ไร!!

สิ่งที่ “สุดารัตน์” กำลังทำเรื่องพระพุทธเจ้าน้อยนั้น จริงอยู่เป็นเรื่องที่ดีน่าสนับสนุนยกย่อง แต่การมาโพนทะนาเอาหน้า มันดูเกินงามไปหน่อย ซึ่งก็เป็นไปตามถนัดอยู่แล้วทำงานเอาหน้า งานไหนไม่ได้หน้าไม่ทำ ความจริงการทำบุญแค่นี้ใครก็ทำได้ เรื่องจิ๊บจ๊อย ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย

และการมาขยายความให้ใหญ่โต จะมีการแห่ไปตามเส้นทางต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ในวันที่ 11 มี.ค.นั้น ถามคนกรุงเทพฯ หรือยังว่าเห็นด้วยหรือเปล่า มันจะให้รถราติดเปล่าๆ ปลี้ๆ หรือไม่

เรื่องของงานบุญอะไรต่างๆ เอาเข้าจริงไม่รู้ว่า “สุดารัตน์” ควักกระเป๋าตัวเองสักกี่บาท ขอบริจาคมาแห่เอาหน้าหรือเปล่า และดูเหมือนว่าจะทำกันแบบไม่รู้จักจบจักสิ้นเสียที ไม่รู้ว่าต้องการเลี้ยงกระแสให้ตัวเองอยู่บนกระดานข่าวตลอดเวลาหรือไม่

การสวมบทเป็นผู้มีคุณูปการต่อศาสนาใครบางคนเห็นแล้วรับไม่ได้ เพราะตัวตนของจริงที่เคยสัมผัสน่ากลัวมาก จนได้รับรางวัลเป็นฉายา “ตุ๊กตาทองสองหน้า”

หากจะอวดอ้างตนเองว่าเป็นสตรีที่ทำประโยชน์ให้พุทธศาสนา ก็ให้ลองย้อนไปดูในอดีต ก็มีหลายคนเคยทำคุณูปการไว้เยอะแยะ ไม่เห็นจะมาอวดโอ่สรรพคุณอะไร

ผู้หญิงที่เคยกระทั่งสร้างวัดก็มีให้เห็นมาแล้ว อย่างวัดคณิกาผล ถนนพลับพลาไชย เขตป้อมปรายศัตรูพ่าย!!

เมื่อครั้งสมเด็จพระนั่งเกล้าพระเจ้าอยู่หัว ทรงได้ครองแผ่นดินสยามอยู่นั้น มีหญิงคนหนึ่งที่ชาวบ้านเรียกว่า ยายคุณท้าวแฟง มีอาชีพเก็บตลาดเอาผลกำไร รวมทั้งเป็นแม่เล้าเจ้าของซ่องนางโลม “ยายแฟง” นั้นรู้ว่าในหลวงทรงโปรดการทำบุญสร้างวัด แกจึงได้ทำการสร้างวัดด้วยเงินรายได้ของแกขึ้นมาที่ตรอกแฟง ในแหล่งธุรกิจของพระนครสมัยนั้น เพื่อต้องการให้สะดุดสายพระเนตรของพระเจ้าแผ่นดิน พวกชาวบ้านจึงเรียกกันว่า “วัดใหม่ยายแฟง” เมื่อสร้างเสร็จแล้วแกก็ได้ทูลขอพระราชทานนามของวัดนั้น ทรงโปรดพระราชทานนามของวัดนั้นว่า “วัดคณิกาผล”

วันนี้เมื่อปลดล็อกจากบ้านเลขที่ 111 แล้ว และโอกาสที่จะเข้ามาเสียบเป็นเจ้าแม่กทม.อีกครั้งมีช่องทาง “เจ๊หน่อย” ก็เสนอหน้าเข้ามาทันที ไม่ฟังอีร้าค่าอีรมใดๆ ใครจะค้าน ใครจะมองด้วยสายตาเหยียดหยามก็ไม่สน เข้าทำนองด้านได้อายอด

จากนี้ไปพรรคเพื่อไทยปั่นป่วนแน่ ด้วยสไตล์ลูกตื๊อ แย่งซีนแย่งฉากของ “สุดารัตน์” หาตัวจับยาก ถ้าไม่ใช่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด มาเบรกเกม รับรองต้านไม่อยู่แน่ เพราะแกนนำคนอื่นๆ เจ๊ไม่สน เที่ยวอ้างประกาศิต “นายใหญ่” อย่างนั้นอย่างนี้

น่าสนใจเหลือเกินว่าความขัดแย้งฉบับ 2 นางสิงห์ จะกลับมาปะทุอีกหรือไม่ “ยิ่งลักษณ์-สุดารัตน์” เข้ากันไม่ได้อยู่แล้ว!!

ยิ่งความพ่ายแพ้เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ “สุดารัตน์” พยายามไล่ตำหนิข้อผิดพลาด โจมตีการทำงานของพรรคมากเท่าใด มันก็ยิ่งเหมือนไปชี้หน้าด่า “ยิ่งลักษณ์” มากเท่านั้น เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ “ปูกรรเชียง” ถือเป็นแม่ทัพรับผิดชอบโดยตรง ออกหน้าลุยหาเสียงด้วยตัวเอง

วันนี้พรรคมาประเมินข้อผิดพลาดแบบให้กำลังใจสู้ต่อ เอา 1 ล้านกว่าเสียงมาแปรเปลี่ยนเป็นพลัง แต่คุณหญิงสุดารัตน์กลับมองว่าเป็นข้อผิดพลาด ลบล้างความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเดินหน้าต่อ เสนอให้ล้าง ให้รื้อ ท่าเดียว เพื่อที่ตัวเองจะได้กลับมาเป็นใหญ่


ก็ไม่รู้ว่าคนข้างในจะคิดกันอย่างไร นายกฯ จะสะท้อนใจมากน้อยแค่ไหน!!

รายการขบเหลี่ยมเฉือนคม เผชิญหน้าหลังจากนี้มีอีกแน่ จะต้องมาทบทวนกันจริงๆ จังๆ ว่าความผิดพลาดพ่ายแพ้ซ้ำซากเรื่อยมาในสนาม กทม. และการพ่ายแพ้ครั้งล่าสุด มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นหรือเลวลง

เพราะนินทาเชิงเปรียบเทียบกันให้แซ่ดว่า บริหารแบบ “หน่อย” ยึดกลุ่มมุ้ง บริหารแบบ “อ้วน” ยึดพรรค บริหารแบบหน่อยใช้กระสุน บริหารแบบอ้วนใช้นโยบาย

แกนนำพรรคเองก็รู้ดี สมัย “หญิงหน่อย” คุม กทม. เบิกปัจจัยอยู่ตลอด ผลงานมีมาแสดงมั่ง ไม่มีมั่ง แต่เบิกงบตลอด ผลงานก็ทรงๆ ทรุดๆ เขตไหนดีก็ดีอยู่อย่างนั้น เขตไหนแย่ก็ไม่กระเตื้อง ไม่รู้ไปอัดปัจจัยกันเฉพาะเขตเด็กในคาถาหรือเปล่า

วันนี้เครือข่ายเส้นสายของเจ๊หน่อยใน กทม.ยังถูกวางไว้ทุกซอกมุม การเปลี่ยนแปลงแบบนับหนึ่งใหม่ เริ่มต้นใหม่จริงๆ มีเสียงยุส่งออกมาถ้าให้ดีต้องกล้าๆ เปลี่ยน ถีบ “เจ๊หน่อย” และเครือข่ายออกไป ในเมื่อ “ยิ่งลักษณ์” ไม่ชอบหน้า อยากจะบริหารเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯเอง ก็เอาเลยเริ่มที่ไสหัวกลุ่มสุดารัตน์ออกไป
กำลังโหลดความคิดเห็น