“ยิ่งลักษณ์” เผยพอใจผลการเยือนประเทศสวีเดน ย้ำไทยจะส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเรียกชาวสวีเดนใช้บริการทางการแพทย์ สนใจเมืองทดลองต้นแบบเอามลพิษมาพัฒนาเป็นพลังงานทดแทน สั่ง “หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง-ภาคธุรกิจ” นำไปปรับใช้กับไทย ชี้ต้นทุนที่ต่ำช่วยประหยัดงบประมาณมหาศาล
วันนี้ (5 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในการเดินทางเยือนราชอาณาจักรสวีเดน ราชอาณาจักรเบลเยียม และสหภาพยุโรป อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 4-7 มี.ค.ว่า ในวันนี้ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการเยือนราชอาณาจักรสวีเดน เวลา 08.55 น.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง นายกฯ ได้เดินทางไปยังท่าอากาศยาน Arlanda เพื่อร่วมกิจกรรมฉลองครบรอบความร่วมมือกว่า 25 ปี ระหว่างบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) กับบริษัทสวีดาเวีย บริษัทบริหารท่าอากาศยานของประเทศสวีเดน จากนั้น เวลา 09.15 น. นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้ออกเดินทางไปยังกรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ให้สัมภาษณ์บนเครื่องบินถึงการเดินทางเยือนราชอาณาจักรสวีเดนว่า การเยือนสวีเดนครั้งนี้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ พระราชาธิบดี และพระราชินีแห่งราชอาณาจักรสวีเดน นอกจากนี้ ยังได้หารือกับนายกฯ สวีเดน เกี่ยวกับความร่วมมือทางการค้าการลงทุน และได้ลงนามในบันทึกความจำเกี่ยวกับการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติและการปฏิบัติการร่วมระหว่างไทย-สวีเดน ซึ่งจะทำให้การหารือเป็นรูปธรรมต่อไป
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า ประเทศสวีเดนถือเป็นประเทศที่มีความสำคัญเป็นประตูสู่ยุโรปเหนือ และเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงาน รวมถึงมีกำลังซื้อ และยังมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศไทยกว่า 350,000 คนต่อปี ในโอกาสนี้ จะมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ให้ชาวสวีเดนเดินทางมาใช้บริการทางการแพทย์ในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพถือว่ามีหลายระดับ เราจะพัฒนาทุกอย่างโดยเฉพาะการแพทย์เฉพาะทางว่าจะทำอย่างไร ให้คนมาใช้บริการของเรา แต่มีข้อจำกัดหลายอย่าง มีเงื่อนไขจึงตั้งคณะทำงานมาศึกษาหาทางแก้ไขข้อจำกัด โดยรัฐบาลจะทำหน้าที่ประสาน และศึกษาความเป็นไปได้
นอกจากนี้ นายกฯ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับด้านพลังงานได้มีโอกาสไปดูงานที่ซิมไบโอซิตีซึ่งเป็นเมืองทดลองต้นแบบในการพัฒนาเมืองพลังงาน จากเมืองที่มีปัญหามลพิษกลายเป็นเมืองนำเอามลพิษมาพัฒนาเป็นพลังงานทดแทน ซึ่งประเทศไทยจะนำไปประยุกต์ใช้ เพราะเป็นโครงการที่ไม่ได้ใช้การลงทุนสูง เพียงแต่ปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการพัฒนา โดยพิจารณาพื้นที่ที่ประชาชนมีความพร้อม หรือมีความเหมาะสม
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะนักธุรกิจไทย ได้ร่วมรับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับ Symbio City ซึ่งคือ แนวคิดในการจัดการเมืองสไตล์สวีเดนแบบองค์รวม (บูรณาการ) ที่ครอบคลุมตั้งแต่การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม การวางผังเมือง สถาปัตยกรรม และการใช้ทรัพยากรต่างๆ และด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งด้านการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมแบบองค์รวม ด้านพลังงาน การใช้น้ำ การคมนาคมขนส่ง เพื่อตอบสนองวิถีชีวิตของคนเมืองให้ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด และเนื่องจากซิมไบโอซิตีเป็นแนวคิด จึงสามารถนำหลักการมาปรับใช้ได้กับทุกเมืองในประเทศ และเมืองอื่นๆ ในโลก ตั้งแต่การวางผังเมือง การออกแบบ สถาปัตยกรรมของอาคารสถานที่ต่างๆ ทั้งบ้าน ที่ทำงาน หรือโรงงานอุตสาหกรรม ครอบคลุมไปถึงการบริหารการใช้พลังงาน การจัดการน้ำ การจัดการของเสีย และการเดินทางขนส่ง โดยควรเริ่มจากการวางผังเมืองที่เน้นให้มีพื้นที่สีเขียว และมีการวางผังเมืองอย่างเป็นระบบ ขณะที่การจัดการที่พักอาศัยให้สามารถเดินทางโดยง่ายด้วยระบบขนส่งมวลชน และมีการสร้างท่อส่งน้ำ ส่งพลังงานที่เป็นมีประสิทธิภาพทำให้สามารถส่งน้ำ พลังงาน และสาธารณูปโภคต่างๆ ได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำ จะช่วยประหยัดงบประมาณมหาศาล
ด้านการจัดการขยะ ขณะนี้ขยะในบ้านเรือนของประเทศสวีเดนถูกนำมารีไซเคิลถึงร้อยละ 96 ส่วนขยะที่ไม่สามารถนำมารีไซเคิลได้ถูกฝังกลบเพียงแค่ร้อยละ 4 ของขยะทั้งหมด ในขณะที่การจัดการขยะด้วยวิธีการทางชีวภาพกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น ส่วนน้ำเสีย และขยะชีวภาพที่เกิดขึ้นในครัวเรือน สามารถนำไปผลิตเป็นก๊าซชีวภาพเพื่อใช้ในการผลิตพลังงาน และใช้กับรถพลังงานสะอาด โดยรถสาธารณะส่วนใหญ่ของสวีเดนใช้ก๊าซชีวภาพเป็นเชื้อเพลิง
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชนไทยที่ร่วมเดินทางไปศึกษาดูงานการบริหารจัดการเมือง Symbio City ในครั้งนี้ด้วย นำแนวคิดและหลักการดังกล่าวมาปรับใช้กับประเทศไทยอย่างเร่งด่วน โดยยืนยันว่า รัฐบาลจะเร่งส่งเสริมความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อพัฒนาการของเมือง และประเทศที่มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน
จากนั้น เวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น นายกฯ พร้อมคณะเดินทางถึงกรุงบรัสเซลส์ เพื่อเยือนราชอาณาจักรเบลเยียมอย่างเป็นทางการ สำหรับภารกิจของนายกรัฐมนตรี เวลา 13.30 น. จะร่วมกิจกรรมระหว่างภาคเอกชนไทย-เบลเยียม โดยจะร่วมชมนิทรรศการประชาสัมพันธ์ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือได้รับสิทธิบัตร รวมถึงจะร่วมงานแสดงสินค้าเทรดแฟร์ จากนั้น เวลา 14.30 น. นายกฯ เข้าเฝ้าฯ เจ้าชายฟิลลิป มงกุฎราชกุมาร แห่งราชอาณาจักรเบลเยียม เวลา 16.00 น. จะเข้าพบหารือกับประธานรัฐสภาเบลเยียม และเวลา 17.00 น. จะเข้าพบหารือกับนายกรัฐมนตรีเบลเยียม