ผ่าประเด็นร้อน
แน่นอนว่าการเดินทางไปเยือนมาเลเซียครั้งล่าสุดของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ โดยมีเป้าหมายสำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือการร้องขอให้รัฐบาลมาเลเซียโดยนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ช่วยอำนวยความสะดวกหรือช่วยไกล่เกลี่ยให้แกนนำโจรใต้ที่กบดานอยู่ที่นั่นเข้ามาเจรจา ซึ่งเชื่อว่าคงไม่ใช่เป็นความริเริ่มของเธอ แต่เป็นผลมาจากทีมงานกุนซือ หรือเป็นคำสั่งมาจากภายนอก ซึ่งในที่นี้เชื่อว่าเป็นคำบัญชาโดยตรงมาจาก ทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง ขณะเดียวกัน นาทีนี้เชื่อว่าคนที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันในเรื่องดังกล่าวต้องมีชื่อของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รวมอยู่ด้วย
สังเกตหรือไม่ว่าในช่วงไม่กี่วันมานี้ชื่อของ พล.อ.ชวลิต มักโผล่ออกมาอย่างผิดสังเกต ทั้งในเรื่องของการเข้ามาช่วยงานรัฐบาลในตำแหน่งต่างๆ ล่าสุดก็มีข่าวว่าจะมานั่งเป็น “กุนซือ” ใหญ่ เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เข้ามาดูแลปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเอ่ยชื่อคนนี้ขึ้นมา หลายคนอาจรู้สึกขนลุกขนพองสยองเกล้า กับบทบาทในอดีตที่มีแต่เรื่องน่าเวียนหัว และสับสนวุ่นวายตั้งแต่หนุ่มยันแก่ จากลูกพี่กลายเป็นลูกน้อง หรือแม้กระทั่งคนรับใช้ก็เป็นมาแล้ว
ข่าวคราวของ พล.อ.ชวลิตที่ผุดขึ้นมาไล่หลัง “กลุ่มวาดะห์” ที่นำโดย วันมูหะมัดนอร์ มะทา และเด่น โต๊ะมีนา ได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นหัวหน้างานด้านยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหาชายแดนใต้แต่ไม่เคยลงพื้นที่เลย ซึ่งคนพวกนี้ล้วนมีสายสัมพันธ์ที่ดีมานาน กลายเป็นว่าการสร้างภาพ สร้างผลงานในพื้นที่เริ่มเห็นชัดเจนมากขึ้น
ขณะเดียวกัน การเดินทางไปเยือนมาเลเซียของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กำลังเกิดขึ้นก็ล้วนสอดคล้องต้องกัน หลังจากก่อนหน้านั้นไม่นานมีการเคลื่อนไหวของแกนนำ “กลุ่มพลูโล” แบะท่าพร้อมเจรจากับรัฐบาลไทย แต่คำถามก็คือคนพวกนี้เป็น “ของจริง” หรือเปล่า และที่ผ่านมาไม่เคยแสดงบทบาทอะไรออกมานานแล้ว
หากจำกันได้ก่อนหน้านี้เมื่อหลายเดือนก่อน ก็เคยมีการ “จัดฉาก” เจรจากันมาครั้งหนึ่งแล้วที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ คราวนั้นมีข่าวปรากฏตามสื่อต่างประเทศออกมาว่า ทักษิณ ชินวัตร ถึงกับลงทุนบินมาคุยด้วยตัวเอง และมีเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่าง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ที่เป็นคนกันเองปรากฏเป็นภาพออกมาว่ากำลังคุยหารือกับกลุ่มคนไทยบางกลุ่มในนามของกลุ่ม “ต้มยำกุ้ง”
อย่างไรก็ดี ในเมื่อเป็นของปลอม เป็นการจัดฉากสร้างภาพ ทุกอย่างก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า กลายเป็นว่าขณะที่มีข่าวการเจรจาที่มาเลเซียแต่ฝั่งไทยก็ได้เกิดเหตุรุนแรงยิ่งกว่าเดิม เป็นการแสดงศักยภาพของกลุ่มโจรให้เห็นว่า “ของจริงอยู่ที่นี่” อะไรประมาณนั้น
การริเริ่มเจรจากับแกนนำโจรใต้รวมทั้งความเคลื่อนไหวของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เดินทางไปมาเลเซียเพื่อร้องขอให้ช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องดังกล่าว ทำให้เห็นว่าการ “สร้างภาพทางการเมือง” เพื่อหวังผลในพื้นที่เริ่มเกิดขึ้นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอีกครั้งหลังจากมีการตั้งกลุ่มวาดะห์เข้ามาเป็นที่ปรึกษา รวมไปถึงข่าวการตั้ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เข้ามาเป็นที่ปรึกษานายกฯฝ่ายความมั่นคง ขณะเดียวกันถ้าพิจารณาให้ลึกลงไปอีกก็อาจเข้าใจได้ว่านี่อาจเป็นความพยายามแยกสลายเอกภาพภายในกองทัพทั้งในระดับบนและในพื้นที่ชายแดนใต้ ก็เป็นได้
เพราะต้องไม่ลืมว่า พล.อ.ชวลิต ก็เคยเป็นผู้นำกองทัพ มีลูกน้องมีเส้นสายอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
ดังนั้นหากสังเกตให้ดีจะพบว่าการริเริ่มเจรจาของฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายความมั่นคงในสังกัดไม่ว่าจะเป็น ศอ.บต. และ สภาความมั่นคงแห่งชาติที่ออกมารับลูกอย่างดี แต่ตรงกันข้ามกับฝ่ายกองทัพที่มีปฏิกิริยาเฉยเมย หรือแม้กระทั่งแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจนออกมาจากกองทัพภาคที่ 4 พร้อมทั้งเตือนให้ระมัดระวัง เพราะยังมีอีกหลายกลุ่มโจรที่ต้องการแสดงศักยภาพ
และที่สำคัญให้จับตาความเคลื่อนไหวใหม่ที่อาจจะออกมา เช่น นครรัฐปัตตานี หรือเขตปกครองตนเองจะถูกจุดพลุขึ้นมาอีก ในเมื่อมีชื่อของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ โผล่ออกมา
อย่างไรก็ดี หากให้สรุปกันแบบรู้ทันก็ต้องบอกว่านี่เป็นเพียงปาหี่สร้างภาพ สร้างสถานการณ์เพื่อให้สอดคล้องว่าทุกอย่างกำลังดีขึ้น รัฐบาลมาถูกทาง และในท้ายที่สุดนี่ก็เพื่อหวังผลทางการเมืองในพื้นที่เพื่อแย่งชิงกับพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นคู่แข่งเท่านั้นเอง ไม่ใช่ต้องการแก้ปัญหาอย่างถาวร
เพราะในสถานการณ์จริง ปัญหาในจังหวัดชายแดนใต้ตั้งแต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเข้ามา ทุกอย่างไม่ว่ามองมุมไหนก็ไม่ดีขึ้น มีแต่แนวโน้มมั่วซั่วเละตุ้มเป๊ะมากกว่าเดิม เมื่อมองจากตัวบุคคลที่ส่งเข้ามารับผิดชอบ แค่เห็นหน้าก็หลับตานึกภาพออกแล้วว่าอนาคตจะเป็นแบบไหน!!