ผ่าประเด็นร้อน
ในระยะนี้หลังจากเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารนาวิกโยธินของกองทัพเรือกับกลุ่มคนร้าย จนวิสามัญฯ คาฐานปฏิบัติหน่วยเฉพาะกิจร้อยปืนเล็กที่ 2 ฉก.นราธิวาส 32 ที่อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ได้ถึง 16 ศพเมื่อหลายวันก่อน จากนั้นก็เกิดการตอบโต้ สร้างสถานการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเขตเศรษฐกิจและพื้นที่รอบนอก
ในช่วงเวลาเดียวกันก็ได้เกิดกระแสกดดันให้รองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ได้รับการมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้เข้ามาเป็นผู้อำนวยการศูนย์ขับเคลื่อนนโยบาย และยุทธศาสตร์แก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านยุทธศาสตร์ให้ลงพื้นที่เพื่อรับรู้สถานการณ์จริงบ้าง เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยเหยียบย่างลงไปเลยสักครั้งเดียว และล่าสุดแม้ว่าบอกว่าจะลงไปแต่ก็ยังอิดออดให้รอหลังจากเสร็จสิ้นการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครผ่านไปก่อน ทำให้ถูกวิจารณ์อย่างหนักในเรื่องความพร้อมในการแก้ปัญหา หรือชอบทำงานเอาหน้าในสิ่งที่เป็นเรื่อง “ฉาบฉวย” สร้างภาพได้เท่านั้น
ขณะที่ปัญหาหนักๆ ยากๆ กลับไม่เต็มใจและพยายามบอกปัดอยู่ตลอดเวลา นอกเหนือจากนี้ การแต่งตั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เข้ามาดูแลปัญหาชายแดนใต้ยังถูกมองว่าเป็นความล้มเหลวและเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ในพื้นที่ให้เลวร้ายลงไปอีก เพราะนอกจากไม่รู้และเข้าใจปัญหาแล้ว และด้วยบุคลิกที่ดีแต่โม้ แก้ปัญหาด้วยปาก “รับฟังรายงานแต่ในห้องแอร์” ทำให้การแก้ปัญหาในทางการเมืองขับเคลื่อนได้ยาก ตรงกันข้ามกลับถอยหลังกว่าเดิม
นั่นเป็นภาพสะท้อนที่กลับมาในเชิงลบ หลังจากที่มีการแต่งตั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงมาเป็นแม่งานในด้านยุทธศาสตร์แก้ปัญหา ซึ่งหลายคนรับรู้กันจนชินชาหมดหวังกันไปแล้ว
อย่างไรก็ดี จู่ๆ ก็เริ่มมีข่าวการแต่งตั้ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ทหารแก่อดีตผู้นำกองทัพกลับเข้ามาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มีภารกิจดูแลปัญหาชายแดนใต้เข้ามาผสมโรงอีกด้วย
เกิดขึ้นพร้อมๆ กับความเคลื่อนไหวของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีกำหนดการเดินทางไปเยือนมาเลเซียแบบปัจจุบันทันด่วนเพื่อหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิบ ราซัค ตามข่าวบอกว่าต้องการให้มาเลเซียช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในเรื่องนัดเจรจากับแกนนำโจรใต้ ซึ่งที่เผยตัวออกมาก่อนก็คือ “กลุ่มพูโล” โดยเธอเดินทางไปกรุงกัวลาลัมเปอร์วันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้
ว่ากันว่าความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นดังกล่าวย่อมเป็นการเสนอผ่านทางเครือข่ายกุนซือของ ทักษิณ ชินวัตร มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาก็มักได้ยินข่าวว่าเขา เคยเดินทางมาเจรจากับกลุ่มแกนนำโจรใต้ด้วยตัวเอง หากจำกันได้เมื่อหลายเดือนก่อนมีกลุ่ม “ต้มยำกุ้ง” ซึ่งเป็นคนไทยที่ไปทำมาหากินในร้านอาหารในมาเลเซียบางคนมาเจรจากับเลขาธิการศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง จนมีเสียงวิจารณ์กันอื้ออึง ว่าเป็นเพียงการสร้างภาพจัดฉากสร้างผลงานในพื้นที่เท่านั้น และคนที่ไปเจรจาด้วยก็ “ไม่ใช่ของจริง”
แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นดังกล่าวที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาจากคราวก่อน เป็นความพยายามของ ทักษิณ ที่ส่งผ่านมามาทางฝ่ายความมั่นคงในเครือข่ายของตัวเองไม่ว่าจะเป็น เลขาฯศอ.บต. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร รวมไปถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง โดยก่อนหน้านั้นไม่นาน ร.ต.อ.เฉลิมก็เพิ่งเดินทางไปมาเลเซียมาแล้ว พร้อมกับมีข่าวไปเมาไวน์เละเทะที่นั่น และเจ้าตัวก็ยืนยันว่าเป็นไทยพุทธ “เมาเหล้า”ได้ไม่มีปัญหานั่นแหละ
ดังนั้นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจึงสะท้อนให้เห็นถึงความมั่ว ความไม่เอาไหนของฝ่ายรัฐบาลตั้งแต่นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงมาจนถึงระดับลิ่วล้อ อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ไปจนถึงคนที่ชักใยอยู่ข้างหลังอย่าง ทักษิณ ชินวัตร เพราะหากข่าวการแต่งตั้ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นที่ปรึกษานายกฯด้านความมั่นคง และดูแลปัญหาชายแดนใต้ มันก็ยิ่งเละไปกันใหญ่ เพราะที่ผ่านมาเท่าที่เห็นมันก็ตลกจนขำไม่ออกอยู่แล้ว นี่จะตั้งตัวตลกเอกเข้ามาเพิ่มอีกคน มันก็ดูไม่จืดจริงๆ
อย่างไรก็ดี ถ้าเป็นความพยายามในการเข้าแยก “สลายเอกภาพ” ภายในกองทัพให้ปั่นป่วน ทั้งในส่วนการบริหารระดับบน ไปจนถึงระดับพื้นที่อย่างเช่น กองทัพภาคที่ 4 ที่ฝ่ายกองทัพยังสามารถคุมได้อย่างเบ็ดเสร็จ นั้นก็อาจว่าไปอย่าง เพราะถ้าพิจารณาถึงศักยภาพในเรื่องแบบนี้ สำหรับ พล.อ.ชวลิต ถือว่าโดดเด่นเป็นเอกอยู่แล้ว และนั่นอาจเป็นเป้าหมายหลักของคนที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นได้!!