เกาะกระแส
00 ในเมื่อคนอย่าง “โอ๋” พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต คนที่ถูกสั่งมาให้นั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหม จะคิดจะทำอะไรรับรองว่าจะต้อง “ด้านดื้อ” ทำได้ตามใจเสมอ ไม่ว่าจะมีเสียงทัดทานจากสังคมรอบข้างแค่ไหนก็ตาม หากไม่ใช่ “หลานโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร แล้ว รับรองต้องทำหูทวนลมเสมอ การ “รับคำเชิญ” เขมรขึ้นไปบนปราสาทพระวิหาร ถูกด่ากันขรม เพราะเหมือนกับว่าเจตนาเอาใจจนเกินเหตุ ทำให้มองได้ว่าเป็นการสนองรองรับอารมณ์ของ ฮุนเซน ที่ก่อนหน้านี้เพิ่งออกมาเตือนให้ระวัง “พวกหัวรุนแรง” ในไทย ซึ่งในความแท้จริงคนพวกนี้เขาหวงแหนแผ่นดิน ไม่ยอมเออออไปกับพวก “ขายชาติ” ยกแผ่นดินเพื่อแลกกับผลประโยชน์นั่นหรอก
00 ขึ้นไปบนเขาพระวิหาร นั่งคุยกับเขมรกันอยู่นานสองนานกลับลงมา “เสี่ยโอ๋” บอกว่า ไม่ได้คุยเรื่องชายแดน เรื่องปราสาท ถ้าแบบนั้นขึ้นไป “ทำหอก” อะไร แค่ไปถ่ายรูปมันก็มีความหมายให้ฝ่ายโน้นนำไปอ้างอิงเป็นหลักฐานได้แล้วว่า นี่ไง รมว.กลาโหม ของไทยนำคณะขึ้นมาบนปราสาทของเขมร และได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี แต่ก็อย่างว่า คนอย่างโอ๋คงไม่โง่หรอก ก็พอรู้บ้างว่าจะอะไรจะเกิดขึ้นภายหน้า แต่ปัญหาก็คือ “แกล้งโง่” นี่สิน่าห่วงกว่า ทุด !!
00 สงสัยว่าชายแดนใต้คงเละไม่พอ หลังจากตั้ง เฉลิม อยู่บำรุง เป็นหัวหน้างานด้านยุทธศาสตร์ดับไฟ แต่ผ่านมาหลายเดือนแล้วสถานการณ์ยังมั่ว และย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม ปัญหาอาจเป็นเพราะเจ้าตัวไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ปัญหา เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน งานหิน จะทำงานฉาบฉวยเอาหน้าแบบแถลงข่าวจับยาบ้าไม่ได้ แต่นั่นที่ว่าเป็นคราวซวยของคนใต้ และคนไทยแล้วยังไม่พอ คิดจะตั้ง “ขงเบ๊” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เข้ามารับงาน “กุนซือ” นายกฯด้านความมั่นคง ดูแลปัญหาชายแดนใต้ “เพิ่มความมั่ว” เข้าไปอีก ฉิบหายละทีนี้ เวรจริงๆ
00 แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวแบบนี้ต้องมาจาก “ใบสั่ง” หน้าเหลี่ยม ทักษิณ ชินวัตร อย่างแน่นอน เพราะเหลี่ยมคูเหลี่ยมจัดแบบนี้ ระดับมันสมองของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คงไปไม่ถึงหรอก อย่างไรก็ดี หากมองอีกมุมหนึ่งในเชิงลึกก็เป็นไปได้เหมือนกันว่า การตั้ง พล.อ.ชวลิต เข้ามาเพื่อป่วนกองทัพ เป็นแผน “แยกสลาย” เอกภาพภายในให้ได้ เพราะที่ผ่านมายังทำไม่สำเร็จ และแน่นอนว่าจะให้องค์กรไหนเละเทะ แตกแยก ก็ต้องตั้งคนที่เคยมีเส้นสายในหน่วยงานนั้นเข้ามาคุม เพราะจะมีลูกน้องเก่า ที่ซุ่มซ่อนเอาไว้รอโอกาสเติบโต เมื่อนายของตัวเองเข้ามา มองแบบนี้มันก็เป็นไปได้สูงเหมือนกัน
00 ยอมรับออกมาแล้วจากเลขาฯสมช. พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ว่านายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางไปมาเลย์ ไปพบ นายกฯมาเลย์ นาจิบ ราซัค เพื่อขอความร่วมมือในการเจรจากับแกนนำโจรใต้ช่วยดับไฟ แต่นาทีนี้เท่าที่เห็นมีแต่แกนนำ “กลุ่มพูโล” เท่านั้นที่โผล่ออกมาขอเจรจาด้วย ซึ่งนาทีนี้ไม่รู้ว่ามีกำลังสักกี่คน และคุยกันแล้วจะมีผลบวกหรือไม่ เพราะตามข่าวบอกว่าไม่ใช่ของจริง เพราะหมดยุคและ “หมดน้ำยา” ไปแล้ว ปัจจุบันมีกลุ่มใหม่ อย่าง “อาร์เคเค” พุ่งขึ้นมา แม้ว่าจะยังไม่มีการตั้งองค์กรชัดเจน แต่ในการสร้างแนวร่วมขึ้นมา ถือว่าน่าจับตา
00 ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัฐบาล และอาจเชื่อมโยงกับ “ขงเบ๊” ด้วยก็ได้ จึงไม่ได้รับการตอบสนองจากฝ่ายความมั่นคงฝ่ายกองทัพ ทั้งในส่วนบนและกองทัพภาคที่ 4 ที่นำโดย พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ มากเท่าไหร่ เนื่องจากไม่เชื่อว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด เป็นการสร้างภาพทางการเมืองตามถนัด และยกบทบาทให้กับกลุ่มวาดะห์ และชวลิต ยงใจยุทธ เท่านั้นเอง !!
00 อีกเรื่องที่น่าจับตาก็คือ การที่ กสทช.โดย กทค. ประเคนใบอนุญาตประกอบกิจการดาวเทียม (ประเภทที่ 3)ให้กับบริษัทไทยคม จำกัด (มหาชน) ทำให้ไทยคม สามารถใช้วงโคจรดาวเทียมในตำแหน่ง 120 องศาตะวันออก ได้ถึง 20 ปี โดยไม่ต้องมีการประมูล เป็นการปิดทางไม่ให้รายอื่นเข้ามาแข่งขัน ยังต้องถูกวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายต่อไป และคนที่ต้องถูกสงสัยมากที่สุด แน่นอนว่าต้องพุ่งเป้าไปที่ พ.อ.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ ในฐานะประธาน กทค. ว่ามีอะไร “ลับลมคมใน” หรือเปล่า เห็นออกแรงผลักดันหน้าดำคร่ำเครียดเหลือเกิน !!