รายงานการเมือง
เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เข้มข้น ร้อนแรงขึ้นเป็นลำดับ ถึงช่วงโค้งมรณะยังคับเคี่ยวกันสุดสูสีระหว่างคู่ชิงดำ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครจากค่ายประชาธิปัตย์ กับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ จากพรรคเพื่อไทย ยังไม่รู้ออกหัวออกก้อย ใครจะเฮใครจะเหี่ยว!!
แต่ตลอดระยะเวลาหาเสียงที่ผ่านมาน่าสังเกตอย่างหนึ่งว่า ค่ายพรรคเพื่อไทยพยายามใช้ศักยภาพฐานการเมืองและกระแสนิยมของพรรค ตัวผู้สมัคร รวมทั้งกระแสของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี เป็นตัวนำ โดยไม่มีกระแสคนเสื้อแดงเข้ามาเกี่ยวข้องโยงใยอย่างมีนัยสำคัญ!!
รู้กันดีอยู่แล้วว่าอิทธิฤทธิ์คนเสื้อแดงขายไม่ได้ในเมืองกรุง หนำซ้ำจะยิ่งเป็นการลดแต้มตัดคะแนนตัวเอง
หากปล่อยให้คนเสื้อแดงเข้ามายุ่มย่ามออกโรงชูธงหาเสียง คนในพรรครู้ซึ้งดีว่า วีรเวรที่เคยก่อกรรมไว้ในอดีตมันหนักหนาสาหัสขนาดไหน เป็นรอยแผลเป็นฝังลึกในใจคนกรุงเทพฯ จนวันนี้ยังลบไม่ออก หากยังเอาพลพรรคเสื้อแดงจอมถ่อย เถื่อน มาหาเสียงก็คงบ้องตื้นสิ้นดี!!
ดังนั้น คนเสื้อแดงจึงต้องถูกสั่งการให้หลบมุมไปห่างๆ แม้อยากจะมีส่วนร่วมแค่ไหนก็ทำได้เพียงผิวเผิน เนื่องเพราะพรรคไม่อนุมัติ ทำได้อย่างมากก็ตั้งเวทีรอบนอก ชายขอบ ฐานเสียงของตัวเองที่งมงายกับกระแสคนเสื้อแดงอย่างไม่ลืมหูลืมตา!!
ตัวผู้สมัครอย่าง พล.ต.อ.พงศพัศ เองก็รู้ถึงแก่นข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ตลอดระยะเวลาการเดินหาเสียงที่ผ่านมาแทบไม่เห็นเงาแกนนำคนเสื้อแดงเดินประกบ เจ้าตัวพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด วันนี้สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. คนเสื้อแดง จึงเปรียบเหมือนสิ่งปฏิกูล ไร้ค่า ไม่มีใครเอา!!
เป็น “เบี้ยบนกระดาน” ตัวหนึ่งที่ไม่เหมาะสำหรับหมากเกมนี้โดยสิ้นเชิง จึงจำเป็นต้องถอยเข้ามุมไปตามใบสั่ง รอบทละครในเรื่องถัดไปที่เหมาะสมกว่า
ฝ่ายพรรคคู่แข่งอย่าง พรรคประชาธิปัตย์ ก็รู้อยู่แล้วถึงจุดบอด จุดอ่อน ตรงนี้ จึงหยิบฉวยมาเขย่า ขยายภาพซ้ำเติมอดีตที่โหดร้ายจากน้ำมือคนเสื้อแดง นปช. ที่วันนี้ผูกโยงกับพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลแบบแงะไม่ออก จะหลีกหนีปฏิเสธกันท่าไหนก็เขวี้ยงงูไม่พ้นคอ
แม้จะโดนคนนินทาหมาดูถูกว่าเป็นแนวทางการหาเสียงที่ไม่สร้างสรรค์ แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่แคร์ เพราะชั่งน้ำหนักแล้วน่าจะคุ้มทุน เมื่อหยิบเรื่องนี้มาขยาย ปรากฏว่ากระแสผู้สมัครพรรคเพื่อไทยทรงและทรุดลงทันที จนต้องออกมาร้องแหกปากแก้ลำกันอุตลุต!!
ไม่รู้จะสงสารหรือสมเพชดี ชั่วโมงนี้คนเสื้อแดงต้องหุบหน้าเน่าๆ เข้ากระดองกันเป็นแถบ แต่ก็ยังไม่วายทะเลาะกันเองออกหน้าสื่อ สร้างความเอือมระอา ปวดกะโหลกให้คนพรรค แม้แต่ประชาชนทั่วไปเห็นยังรำคาญ น่าจับไปเชือดยกเข่งเหมือนไก่ตรุษจีน อยู่เข่งเดียวกันว่างๆ ก็จิกตีกันเอง
นิสัยอันธพาลแท้ๆ อยู่สุขไม่ได้!!
คนเสื้อแดงในช่วงหลังถูกพรรคเพื่อไทย นายใหญ่และนายน้อยมองเมินตลอด ไม่ค่อยมีประโยชน์อันใด เมื่อฝ่ายตัวเองเข้ามาสู่กระดานอำนาจแล้ว คนเสื้อแดงก็ด้อยค่า จนกลายเป็นเพียงสัมภาระที่ต้องอุ้มกระเตงไป จะมีประโยชน์ก็บางครั้งเพื่อเอาไว้เล่นเกมสับขาหลอก รับงานเป็นจ๊อบๆ ไป
แต่ด้วยความห่ามห้าว เล่นเกินบท ก็ได้สร้างความไม่พอใจให้กับแกนนำของพรรคเพื่อไทยอยู่เป็นประจำ รวมไปถึง “โอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร” บุตรชายนายใหญ่นักโทษหลบหนีคดี ที่ไม่ปลื้มกับบทบาทแกนนำหลายคน โดยเฉพาะ “คางคกตู่-จตุพร พรหมพันธุ์” แกนนำพันธุ์ดิบ จอมถ่อย เถื่อน มีมักเล่นบทพระเอกอิงกระแสมวลชน ทำเป็นผู้นำลัทธิ หลายครั้งหลายหนก็ขัดแย้งกับประกาศิตนายใหญ่
อย่าเรื่องนิรโทษกรรมนั่นก็ฉากหนึ่ง แน่นอนว่าแกนนำก็ต้องเล่นบทปาหี่ซื้อใจมวลชนคนเสื้อแดง ซื้อใจญาติคนเสียชีวิต ติดคุก แต่ทว่าบางครั้งก็เล่นเกินบท เร่งเร้ารัฐบาลเกินเหตุ จนเกือบจะพังไปทั้งขบวน เพราะไปปลุกมวลชนมากๆ บางส่วนมันก็ขึ้นเหมือนกัน สุดท้ายหน่วยเหนือก็ต้องสั่งเด็ดขาดให้หยุด!!
ไม่รู้ว่าระยะหลังเป็นเพราะ “จตุพร” ทำตัวเป็น “คางคกขึ้นวอ” มากขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่ จึงแว่วข่าวว่า “โอ๊ค จอมปีนเกลียว” ถึงเหม็นหน้ามากขึ้นทุกวันๆ
ทั้งการสถาปนาตัวเองเป็นศาสดา พยายามแสดงตัวตนของตัวเอง เป็นผู้นำทางความคิด ซึ่งหลายครั้งก็ขัดแย้งกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และหลายครั้งก็พยายามพูดให้ดูเหมือนว่าแม้แต่ “ทักษิณ” ยังต้องทำตาม มันยิ่งเพิ่มดีกรีความหมั่นไส้ขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ เรื่องที่หยิบมากระแหนะกระแหนอยู่ตลอดก็คือการพลาดหวังเก้าอี้เสนาบดี หลังแต่งองค์ทรงเครื่องเตรียมขึ้นชั้นเป็นรัฐมนตรี ประดับบารมีคางคก อยู่นานสองนาน เมื่อพลาดหวังครั้ง 2 ครั้ง ก็มีอาการออกมาให้เห็นตลอด บางครั้งก็พูดจากระทบกระแทกแดกดันลามปามไปถึงนายใหญ่ สร้างความเดือดดาลแก่ผู้เป็นบุตรไม่น้อย!!
“จตุพร” และลิ่วล้อรอบกายทั้งผลัก ทั้งดัน เชียร์กันแบบหน้าไม่อายว่าถึงเวลาที่คางคกจะต้องขึ้นวอแล้ว แล้วที่สุดก็ได้รับการเฉลยชัดๆ จากปากคนกันเองอย่าง “ขวัญชัย ไพรพนา” ว่า
มีอยู่ 2 คน ที่จนหมดอายุของรัฐบาลชุดนี้ก็เป็นรัฐมนตรีไม่ได้คือ จตุพร กับ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย แกนนำแดงพันธุ์ฮาร์ดคอร์ เนื่องจากถูกหมายหัวมาเลยว่าห้ามเป็นเด็ดขาด สืบเนื่องจากพฤติกรรมที่สั่งสมมา และการปราศรัยบนเวทีแต่ละครั้งที่ส่อนัยยะไปในทางที่ไม่เหมาะไม่ควร
ก็ไม่รู้ฟังแล้ว “จตุพร” จะคิดอย่างไร จะเลิกหวัง หรือยังดันทุรังต่อไป แต่ที่แน่ๆ บทบาทเด่นที่เล่นจนเลอะทำให้นายหลายคนไม่ปลื้มแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะอยากให้ “จตุพร” กลับเข้าไปอยู่ในคุก จะได้สงบๆ เลิกทำอะไรแผลงๆ ล้ำเส้นเป็นประจำแบบนี้
แกนนำแดง “คางคกตู่” ตอนนี้ถูกประเมินแล้วว่าไร้ค่า เหมือนราคาหุ้นที่ตกต่ำดำดิ่ง ไม่มีใครอยากไปลงทุน เสี่ยงเจ็บตัวเข้าเนื้อ จะมีค่าอีกทีหุ้นขึ้นพรวดพราด ก็ต่อเมื่อบ้านเมืองเกิดวิกฤต ความขัดแย้งปะทุนั่นแหละ แกนนำเสื้อแดงพันธุ์เถื่อนแบบนี้ถึงมีความจำเป็นต้องเอามาเล่นบทขึงขัง นำมวลชนบุกตะลุย เป็นแม่ทัพหน้ามือเปื้อนเลือด...
เมื่อเสร็จนาก็ฆ่าควายถึก เสร็จศึกก็ฆ่าขุนพล มันก็เท่านั้น!!