xs
xsm
sm
md
lg

“สุกำพล” พบเขมรบนเขาพระวิหารเจตนาอ่อนข้อ-ไว้ใจไม่ได้!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

แน่นอนว่าเป็นอีกครั้งหนึ่งที่จะต้องโดนคนไทยที่มีหัวใจรักชาติหวงแผ่นดินโวยวายด่าทอกันขรมอีกครั้ง กับพฤติกรรมดื้อด้านของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ที่ยอมค้อมหัวเดินขึ้นไปพบ พล.อ.เตีย บัญ รัฐมนตรีกลาโหมของกัมพูชาถึงปราสาทพระวิหาร อันเป็นพื้นที่อ่อนไหวและที่ผ่านมากัมพูชาได้อ้างสิทธิ์ครอบครองพื้นที่ดังกล่าวมาตลอด

อีกทั้งที่ผ่านมาทางกัมพูชาได้ยื่นคำร้องต่อศาลโลกให้ตีความคำพิพากษาเมื่อปี 2505 ว่า นอกเหนือจากปราสาทแล้วยังครอบคลุมไปถึงอาณาบริเวณใดบ้าง โดยเฉพาะพื้นที่โดยรอบเนื้อที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรด้วยหรือไม่ ซึ่งฝ่ายไทยมีกำหนดแถลงด้วยวาจาในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้

เห็นได้ชัดว่าการ “เชื้อเชิญ” ฝ่ายไทยขึ้นไปหารือบนปราสาทพระวิหารจึงเห็นว่าเป็นเจตนาจงใจของฝ่ายกัมพูชาเพื่อแสดงสัญลักษณ์การเป็นเจ้าของพื้นที่ ขณะที่ฝ่ายไทยที่นำโดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ก็ยินตอบรับคำเชิญนำคณะนายทหารขึ้นไปพูดคุยด้วยดี

เมื่อ “รับคำเชิญ” ในความหมายเชิงสัญลักษณ์ก็เหมือนกับว่า “ยอมรับ” เช่นเดียวกัน แม้ว่าจะไม่ได้ยืนยันด้วยคำพูด หรือเจตนาของ รัฐมนตรีกลาโหมของไทยอาจเป็นอย่างอื่น แต่สื่อออกมาทำให้คนทั่วไปเข้าใจอย่างนั้น

สำหรับฝ่ายกัมพูชานั้นแน่นอนว่าไม่ว่ามองในมุมไหนก็ต้องบอกว่ามีเจตนาอย่างชัดเจนว่าต้องการให้มีอ้างอิงทางจิตวิทยา หรือแม้แต่เป็นการยืนยันการครอบครองดินแดนโดยปริยาย ดังนั้นแม้ว่า พล.อ.อ.สุกำพล จะยืนยันว่าการเดินทางไปคราวนี้ไม่มีทางเสียเปรียบกัมพูชาแน่นอน แต่เมื่อพิจารณาจากการตอบรับคำเชิญเพื่อขึ้นไปหารือกันบนปราสาทพระวิหารนั่นก็เท่ากับว่า “ยอมรับ” โดยไม่จำเป็นต้องพูดหรือยืนยันอะไรเสียด้วยซ้ำ

อีกทั้งหากพิจารณาในรายละเอียดก็จะเห็นว่าฝ่ายกัมพูชามีเจตนาในการอ้างสิทธิ์อย่างชัดเจนดังกล่าว นั่นคือไม่ยอมเปิดประตูเหล็กที่กั้นปราสาทระหว่างฝ่ายไทย แต่ให้เดินอ้อมไปที่จุดประสานงานชายแดนแล้วขึ้นไปบนพระวิหารร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับ พล.อ.เตีย บัญ รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชาและคณะที่บริเวณสระสรงโคปุระ ชั้นที่ 1 และยืนยันให้ฝ่ายไทยต้องไปหารือกันที่นี่เท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้มีการเตือนและทักท้วงจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะจากฝ่ายกองทัพ ไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการสูงสุด พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมไปถึงหัวหน้าคณะทนายในคดีปราสาทพระวิหารก็ได้เคยทำหนังสือท้วงติงไปถึง นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะสิ่งที่ พล.อ.อ.สุกำพล ยืนยันด้วยปากเปล่าอย่างเดียวว่า ไม่เสียเปรียบ

และสิ่งที่ พล.อ.อ.สุกำพลเน้นย้ำก็คือเพื่อสร้างบรรยากาศความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศเป็นหลัก ซึ่งแน่นอนว่าว่าไม่มีใครเถียงว่าเรื่องดังกล่าวมีความสำคัญ มีผลต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องสองประเทศ แต่สิ่งที่ต้องคำนึงยิ่งกว่านั้นก็คือศักดิ์ศรีของชาติ และอธิปไตยเหนือดินแดน ซึ่งต้องอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ต้องไม่ลืมว่าหลายประเทศที่กำลังมีเรื่องพิพาทก็มาจากเรื่องดินแดนนี่แหละ บางครั้งแย่งชิงพื้นที่รกร้างแต่ก็ไม่การยอมอ่อนข้อให้เป็นอันขาด

อย่างไรก็ดี สำหรับกรณีของกัมพูชานั้นถือว่าเป็นเรื่องที่มีข้อยกเว้นแตกต่างออกไปจากที่อื่น นั่นคือทั้งตัวบุคคลที่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลล้วนไม่น่าไว้วางใจ มีพฤติกรรมที่ถูกมองว่าพร้อมทำตามคำบัญชา หรือชักใยจาก “คนนอก” นั่นคือ ทักษิณ ชินวัตร โดยแลกกับผลประโยชน์ทางธุรกิจมหาศาลที่จะได้รับจากฝ่ายกัมพูชาภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน โดยอ้างแต่เพียงว่าต้องการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

ดังนั้น การนำคณะขึ้นไปหารือกับรัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชาถึงปราสาทพระวิหารโดยไม่ฟังคำทักท้วง เพียงแค่นี้ก็ย่อมเป็นที่สงสัยแล้วว่ามีเจตนาอ่อนข้อ หรือมีเจตนาสมคบกันยอมรับในเชิงสัญลักษณ์ให้ฝ่ายตรงข้ามสามารถนำไปอ้างสิทธิ์เพื่อประโยชน์ทางคดีในศาลโลก เหมือนกับก่อนหน้านี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เคยบอกให้ทำใจล่วงหน้าว่าเราอาจแพ้หรืออย่างมากแค่เสมอตัวเท่านั้น และที่สำคัญให้คนไทยยอมรับคำตัดสินของศาลโลก ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วไม่จำเป็น และที่ผ่านมาไทยก็ไม่ได้ต่ออายุปฏิญญาว่าด้วยเรื่องดังกล่าวมาตั้งแต่เราต้องเสียปราสาทพระวิหารตามคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อปี 2505

หรือก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง ฮุน เซน ผู้นำกัมพูชาออกมาเตือนให้จับตาและระวังการเคลื่อนไหวของกลุ่มที่เขาเรียกว่า “หัวรุนแรง” ทั้งในปัจจุบันและหลังมีคำตัดสินจากศาลโลกออกมา ซึ่งเหมือนกับว่ารู้ล่วงหน้าว่าผลจะออกมาเป็นบวกกับกัมพูชาหรือไม่ ซึ่งให้เตรียมพร้อมกันตั้งแต่เนิ่นๆ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ในครั้งนี้ถือว่าน่าเคลือบแคลง ไม่น่าไว้ใจเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากบุคลิกและภูมิหลังความใกล้ชิดกับ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งทำทุกอย่างควบคู่ไปกับการเจรจาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มันก็ยิ่งต้องจับตาอย่างใกล้ชิด!!
กำลังโหลดความคิดเห็น