ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- กลุ่มคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน รุกสถานศึกษาขยายแนวร่วมปลุกพลัง นศ.ต้านอำนาจศาลโลกคดีปราสาทพระวิหาร เผยล่ารายชื่อปชช.ทะลุ 1.4 ล้านและยังเปิดรับต่อเนื่อง ชี้ เคลื่อนไหวเข้มข้นก่อนถึง เม.ย. รวมพลบุกหลักเขตแดนไทย-เขมรหมุดสุดท้าย จ.ตราดพิสูจน์ผลประโยชน์ขุมทรัพย์ใต้ทะเล 16 ก.พ. ก่อนร่วมทุกเครือข่ายชุมนุมใหญ่ มี.ค.
วันนี้ (30 ม.ค. ) ที่หอศิลป์จินตนาการ อาคาร 26 โปรแกรมวิชาทัศนศิลป์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้มีการจัดเสวนาวิชาการเรื่อง “ปราสาทพระวิหารกับอธิปไตยและดินแดน : กรณีประชาชนชาวไทยคัดค้านอำนาจศาลโลก” ขึ้น มีวิทยากรร่วมเสวนาประกอบด้วย นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำแนวร่วมคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน ,ผศ.ดร.สามารถ จับโจร อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และ นายสันติ ถีระวงศ์ ทนายความภาคประชาชน โดยมีนักศึกษาและประชาชน เข้าร่วมรับฟังการเสาวนาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น กว่า 300 คน
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำแนวร่วมคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน ได้เดินหน้าสร้างเครือข่ายเพื่อขยายแนวร่วมการปกป้องอธิปไตยและรักษาแผ่นดินไทย กรณีเขาพระวิหารที่ศาลโลกจะติดสินคดีปราสาทพระวิหารภายในปีนี้ เข้าสู่สถานศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งครั้งแรกได้จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ จ.สงขลา ได้รับความสนใจจากคณะอาจารย์ และนักศึกษาเข้าได้รับฟังเป็นจำนวนมาก โดยคณะครู อาจารย์และนักศึกษาที่เห็นด้วยกับการปฏิเสธอำนาจศาลโลกได้ส่งรายชื่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
การจัดเสวนาวิชาการในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาครั้งนี้จึงถือเป็นเวทีที่ 2 วัตถุประสงค์หลักคือ อยากให้นักศึกษาได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการเมือง ตามมาตรา 87 รัฐธรรมนูญ ไทยที่เขียนไว้ว่า รัฐควรส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการเมือง และเราเห็นว่าทุกเรื่องที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้ถือเป็นประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะเรื่องการตัดสินใจเกี่ยวกับอธิปไตยดินแดนของประเทศและความเป็นไปของชาติบ้านเมือง
นายไชยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดมีประชาชนคนไทยส่งรายชื่อร่วมคัดค้านอำนาจศาลโลกเข้ามาเป็นจำนวนมากรวมแล้วกว่า 1.4 ล้านรายชื่อ และยังคงทยอยส่งรายชื่อเข้ามาอีกอย่างต่อเนื่องทั้งทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ทางแฟกซ์ และทางไปรษณีย์ ซึ่งเราจะเปิดรับรายชื่อประชาชนไปเรื่อย ๆ จะเห็นได้ว่าประชาชนคนไทยต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องใหญ่สำคัญครั้งประวัติศาสตร์นี้ ซึ่งความจริงแล้วรัฐบาลต้องให้การสนับสนุนด้วยซ้ำ ไม่ใช่มาอ้างว่าเราเป็นพวกคลั่งชาติ เป็นตัวสร้างปัญหา แต่ในเรื่องดินแดนรัฐบาลกลับไปยอม ฮุน เซน ผู้นำกัมพูชา ในทุกเรื่อง
นายไชยวัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับการเคลื่อนไหวต่อสู้ของภาคประชาชนเรายังคงยึด 3 แนวทางหลักคือ ตุลาการภิวัฒน์ ซึ่งกรณีใดที่มีการกระทำผิดกฎหมายเราก็ยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อให้อำนาจตุลาการถ่วงดุลอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหาร 2.แนวทางประชาภิวัฒน์ คือการเคลื่อนไหวต่อสู้ด้วยพลังของประชาชนเพราะประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย นอกจากนั้นไม่ได้ละทิ้งอำนาจด้านความมั่นคง ที่ทหารเป็นกองทัพของชาติไม่ใช่กองทัพของรัฐบาล ซึ่งต้องปกป้องรักษาอธิปไตยดินแดนของประเทศชาติตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
“การเคลื่อนไหวของภาคประชาชนจากนี้ไปจนถึงเดือน เม.ย.ซึ่งศาลโลกจะพิจารณาคดีปราสาทพระวิหารจะมีความเข้มข้นมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีการชุมนุมใหญ่ในเดือน มี.ค.นี้ ซึ่งในเร็วๆ นี้ กลุ่มภาคประชาชนทุกเครือข่ายได้นัดหารือระดับแกนนำเพื่อกำหนดท่าทีร่วมกัน โดยส่วนตัวเห็นด้วยที่จะมีการชุมนุมใหญ่เพื่อแสดงจุดยืนของประชาชนไทยต่อศาลโลกและนานาชาติอย่างชัดเจน” นายไชยวัฒน์ กล่าว
นายไชยวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ในวันที่ 16 ก.พ.นี้ เราจะพาพี่น้องประชาชนจัดขบวนแรลลี่ไปพิสูจน์หลักฐานที่ หลักเขตแดนที่ 73 จ.ตราด ซึ่งเป็นหลักสุดท้ายเชื่อมต่อระหว่างแผ่นดินกับทะเล เพื่อจะได้เห็นอย่างชัดเจนในเรื่องผลประโยชน์ทางทะเลอันเป็นขุมทรัพยากรพลังงานมูลค่ามหาศาลที่อยู่เบื้องหลังกรณีพิพาทเขาพระวิหาร ซึ่งนักการเมืองต้องการให้ประเทศไทยสูญเสียแผ่นดินเพื่อแลกกับผลประโยชน์มหาศาลนี้ รวมทั้งบริษัทค้าน้ำมันจากประเทศมหาอำนาจด้วย