xs
xsm
sm
md
lg

“สุกำพล” ถก “เตีย บัญ” ชื่นมื่น ปัดคุยเขตแดน-คดีปราสาทพระวิหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.อ.สุกำพล  สุวรรณทัต รมว.กลาโหม  จับมือ พล.อ.เตีย  บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กัมพูชา อย่างชื่นมืน ในการพบหารือและรับประทานอาหารร่วมกัน ที่ปราสาทพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ วันนี้ ( 26 ก.พ.)
ศรีสะเกษ - “สุกำพล” รมว.กลาโหม จับมือถก “เตีย บัญ” รมว.กลาโหมเขมร ร่วมกินข้าวเที่ยงร่วมกันชื่นมื่นที่ปราสาทพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา ปัดคุยเรื่องเขตแดนและคดีปราสาทพระวิหารที่ศาลโลกจะพิจารณา เม.ย.นี้ ยันทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกันบนเขาพระวิหารอย่างปกติ เผยเชิญ “เตีย บัญ” มาเป็นวิทยากรบรรยายที่ “วปอ.”


เมื่อเวลา 10.45 น.วันนี้ (26 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณทางขึ้นปราสาทพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เสนาธิการทหารบก, พล.ท.จีระศักดิ์ ชมประสพ แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2), นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้เดินทางไปพบกับ พล.อ.เตีย บัญ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา และคณะ ซึ่งได้มาให้การต้อนรับคณะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทยที่บริเวณดังกล่าว

จากนั้นได้พากันเดินขึ้นไปบนปราสาทพระวิหาร โดย พล.อ.เตีย บัญได้นำคณะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทยเดินชมรอบปราสาทพระวิหาร 1 รอบ ก่อนลงมาที่บริเวณศาลาข้างสระสงฆ์เพื่อหารือพูดคุยกัน จากนั้นได้รับประทานอาหารกลางวันร่วมกันซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่นและมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน

ต่อมา เวลา 13.30 น. พล.อ.อ.สุกำพลและคณะได้เดินทางลงมาจากปราสาทพระวิหาร และเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทุกแขนงที่บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร โดย พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า การที่ตนมาในวันนี้เพื่อมาเยี่ยมทหาร ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณเขาพระวิหารเนื่องจากยังไม่เคยมาเยี่ยมทหาร ตำรวจที่บริเวณเขาพระวิหารนี้เลย ในโอกาสเดียวกันนี้ก็ได้มาพบกับ พล.อ.เตีย บัญ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา เพื่อสานต่องานที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้มีการพบปะกันเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ตามที่ทั้งสองท่านได้พูดคุยกันไว้ในเรื่องปัญหาชายแดนทั้งหลาย ซึ่งตนกับ พล.อ.เตีย บัญได้มาสานต่อเกี่ยวกับเรื่องนี้สืบต่อไป

“ขอบอกก่อนว่าในเรื่องนี้ไม่มีเรื่องของการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างไทยกับกัมพูชา เพราะว่าทั้งสองฝ่ายเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน ไม่มีการมาเอาเปรียบได้เปรียบ หรือพูดเรื่องเขตแดนแต่อย่างใด เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จะต้องมีการพูดคุยกันต่อไป” พล.อ.อ.สุกำพลกล่าว

พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวต่อว่า การหารือกันในวันนี้ได้พูดกับ พล.อ.เตีย บัญในหลายเรื่อง เรื่องแรกคือตนมาในฐานะเป็นประธาน GBC คือ คณะกรรมการชายแดนไทย-กัมพูชาทั่วไป ซึ่ง พล.อ.เตีย บัญเป็นประธานฝ่ายกัมพูชา จึงได้มาพูดคุยกัน โดยเรื่องแรกได้พูดคุยเกี่ยวกับการที่ได้มีกลุ่มบุคคลไม่หวังดีเข้ามาลักลอบตัดไม้ทำลายป่าในเขตแดนไทย โดยเฉพาะไม้พะยูง ซึ่งตนได้แจ้งให้ พล.อ.เตีย บัญทราบเพื่อจะได้กวดขันการลักลอบตัดไม้พะยูงมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นก็ขอให้พยายามป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเข้ามาตัดไม้พะยูง เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายและทำให้ความสัมพันธ์ของไทยและกัมพูชาไม่ดี เนื่องจากฝ่ายไทยจะมีการปราบปรามอย่างเด็ดขาด ซึ่ง พล.อ.เตีย บัญก็ได้รับปากในเรื่องนี้

อีกเรื่องหนึ่งคือ การทำงานบริเวณเขาพระวิหาร ซึ่งขณะนี้ทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่มีการปะทะกันหรือมีลางบอกเหตุที่จะทำให้เกิดการไม่เข้าใจกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ประสานงานกันที่ดีอยู่แล้ว ถึงแม้จะช้าบ้างเร็วบ้างแต่ก็เป็นไปอย่างเท่าเทียมกัน ส่วนการปรับกำลังบริเวณเขาพระวิหาร นั้นก็จะต้องบอกกันและต้องทำพร้อมกัน เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน ซึ่ง พล.อ.เตีย บัญก็ได้รับปากไว้

นอกจากนี้ได้หารือเรื่องความร่วมมือในด้านต่างๆ ซึ่งไทยพร้อมให้ความช่วยเหลือทางฝ่ายกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา การเจ็บป่วย ซึ่งหากครอบครัวของทหารกัมพูชาเจ็บป่วยฝ่ายไทยก็พร้อมให้การช่วยเหลือเพราะถือว่าเป็นประเทศอยู่ใกล้เคียงกัน ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องหลักๆ ที่ได้พูดคุยกัน จากนั้นก็ได้รับประทานอาหารร่วมกัน

พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวอีกว่า ตนขอยืนยันว่าการมาพบปะกับ พล.อ.เตีย บัญในครั้งนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเขตแดน หรือเกี่ยวกับกรณีคดีปราสาทพระวิหารแต่อย่างใด อีกทั้งการพูดคุยก็ไม่ได้พูดคุยกันตามลำพังสองต่อสอง แต่มีคณะทำงานและสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งไปร่วมในการพบปะกันในครั้งนี้ด้วย ซึ่งในส่วนของคดีความนั้นตนไม่ได้ยุ่งเกี่ยวเพราะใกล้ถึงเวลาพิจารณาคดีแล้ว โดยในเรื่องคดีความกรณีปราสาทพระวิหารฝ่ายไทยคงต้องสู้กันอย่างเต็มที่ เรื่องนี้หงอไม่ได้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ที่จะเป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องคดีกรณีปราสาทพระวิหาร

ทั้งนี้ ตนเห็นว่าไม่ควรไปวิเคราะห์วิพากษ์วิจารณ์มาก จะเป็นเรื่องไม่ดี ซึ่งไทยกับกัมพูชาจะต้องอยู่คู่กันไปจนกว่าโลกจะแตก อีกทั้งต้องเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ผลประโยชน์ข้างหน้ายิ่งใหญ่กว่าเยอะ ปัญหาเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาไม่เฉพาะปัญหาเรื่องเขาพระวิหาร ปัญหาที่อื่นๆ ก็มี เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขร่วมกันด้วยฉันมิตร ใน EU หรือสภาพยุโรปก็มีปัญหาแบบนี้เช่นกันเขาก็สามารถอยู่กันได้ จนเป็น EU ขนาดใหญ่

“ปัญหาไทยกับกัมพูชาต้องแก้ด้วยสันติวิธี ทุกคนก็รักชาติ ผมก็รักชาติ ไทยก็รักชาติ ไม่ต้องกลัว เพราะว่าจะไม่มีการทำให้เสียผลประโยชน์ของชาติอย่างเด็ดขาด แต่ขณะเดียวกันเพื่อนบ้านก็ต้องดูแลเขาด้วย มีหลายอย่างที่รัฐบาลไทยดูแลกัมพูชา อันไหนที่เรามีศักยภาพช่วยได้เราก็ช่วย ซึ่งในโอกาสเดียวกันนี้ผมได้เชิญ พล.อ.เตีย บัญให้เข้ามาเยือนประเทศไทย และอาจเรียนเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายด้วย เพราะ พล.อ.เตีย บัญสามารถพูดภาษาไทยได้ โดยจะเชิญไปบรรยายที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ซึ่งจะได้ทำหนังสือเชิญอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง” พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวในตอนท้าย





กำลังโหลดความคิดเห็น