กมธ.กิจการชายแดน พร้อมผู้บริหารไอแบงก์ เรียกร้องรัฐบาลรับประกันความเชื่อมั่นธนาคารยังมั่นคงจะสามารถดำเนินการต่อไปได้ หลังประชาชนแห่ถอนเงินฝากเพราะมีข่าวเอ็นพีแอลอื้อ ธนาคารอิสลามฯ ยันมีแผนรับมือหนี้เสียได้
ที่รัฐสภา วันนี้ (20 ก.พ.) นายสามารถ มะลูลีม ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการชายแดน นายประวัฒน์ อุตโมท รองประธาน กมธ.คนที่ 1 ร่วมกับนายรักษ์ วรากิจโภคาทร รองกรรมการผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ร่วมกันแถลงข่าวเรียกร้องให้รัฐบาลรับประกันและออกแถลงการณ์ให้ความเชื่อมั่นแก่ประชาชนว่าธนาคารอิสลามฯ จะสามารถดำเนินการต่อไปได้ เพราะเป็นธนาคารที่รัฐบาลดำเนินการ 100% เพราะขณะนี้ช่วงเวลา 15 วัน มีประชาชนถอนเงินออกไปแล้วกว่า 5 พันล้านบาท
นายประวัฒน์กล่าวว่า จากที่ กมธ.ได้พิจารณาติดตามแนวทางแก้ไขปัญหาสถานภาพของธนาคารอิสลามญ กรณีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีเอฟ) ที่อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ จากการชี้แจงของธนาคารอิสลามฯ พบว่า ธนาคารอยู่ในวิสัยที่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ไม่ได้ก่อให้เกิดหนี้เสียเกินกว่าเหตุ ในขณะนี้มีหนีเสียอยู่ 2.4 หมื่นล้านบาท แต่ภายใน 2 ปี ผลการดำเนินการของธนาคารจะสามารถเรียกหนี้คืนหลับมาได้ 50% หรือ 1.2 หมื่นล้านบาท จึงขอให้พี่น้องประชาชนอย่าตื่นตระหนกตกใจ อย่าด่วนถอนเงินออกจากธนาคารอันจะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
ด้านนายรักษ์กล่าวว่า ธนาคารอิสลามฯ มีแผนรับมือและจัดการกับวิกฤตในขณะนี้ได้ ไม่ต้องมีความเป็นห่วง ในส่วนการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้แบ่งเป็น 2 ตะกร้า ซึ่งมีแผนปรับโครงสร้างหนี้ปีละ 6,000 ล้าน ประมาณครึ่งหนึ่งคิดว่าเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ได้ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งก็อาจเจรจา ดำเนินคดี ยืดอายุวงเงิน สินเชื่อออกไป คอนเวิร์สลองเทอมโลน และอิงก์เจ็ตเงินออกไป ซึ่งมีแผนอยู่แล้ว ส่วนพอร์ตเงินฝากก็สามารถดูแลพี่น้องประชาชนได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ในการแถลงข่าวมีการให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับระยะเวลาปรับปรุงโครงสร้างหนี้