xs
xsm
sm
md
lg

จบเห่ ชายแดนใต้จะคิดมั่วซั่วแบบ “เฉลิม” ไม่ได้!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

นาทีนี้ถ้าจะถามว่าบ้านเมืองนี้โชคร้ายเพราะอะไรกันแน่ เพราะเรามีคนอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่สนใจอะไรนอกจากทำทุกอย่างเพื่อกำไร ใช้อำนาจการเมืองไปต่อยอดทางธุรกิจ หรือว่าเรามีนายกรัฐมนตรีที่ไร้สติปัญญา ไร้ความรู้รอบตัว วันๆ ได้แต่โยนให้คนนั้นคนนี้ชี้แจงตอบคำถาม ไม่มีข้อมูลพื้นฐานเป็นของตัวเอง หรือว่าเป็นเพราะเรามีรองนายกรัฐมนตรี อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ถูกบังคับให้มาดูแลงานด้านยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีความละเอียดอ่อน ซับซ่อน ต้องการคนที่ตั้งใจ และเข้าใจปัญหาอย่างดี

หรือว่าเป็นความโชคร้ายเพราะมีคนประเภทนี้ในคราวเดียวกัน เพราะคนพวกนี้เป็นผู้กำหนดนโยบายให้เจ้าหน้าที่นำไปปฏิบัติ ซึ่งหากคนที่คุมนโยบายในต้นทางไม่เข้าใจปัญหา ไม่ทุ่มเทแก้ไขปรับตัว มันก็ยิ่งทำให้มีแนวโน้มเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ บรรยากาศที่ตอนแรกคิดว่าเริ่มดีขึ้นมาบ้างหลังจากที่นาวิกโยธินหน่วยเฉพาะกิจที่อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส สามารถอาศัยงานด้าน “การข่าว” จนเตรียมการรับมือโจรก่อการร้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างน้อยก็ทำให้ได้เห็นแนวโน้มใน “ทางบวก” ของฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่เป็นทหาร ซึ่งเป็นกำลังหลักในการรักษาความสงบและความปลอดภัยในเขตรอบนอก ขณะที่พื้นที่ในเขตเมืองเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบหลักของฝ่ายตำรวจกับฝ่ายปกครอง และที่ผ่านมาเพิ่งเกิดเหตุระเบิดป่วนเมืองพร้อมกันหลายจุดในกลางเมืองปัตตานี มีผู้เสียชีวิตจำนวน 3 ศพ เกิดความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจมากมาย

อย่างไรก็ดี ภาพแห่งความหวังดังกล่าวเริ่มดับวูบลงไปอีกครั้งเมื่อได้ยินว่า นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ไม่มีความรู้เรื่องปัญหาชายแดนภาคใต้อยู่แล้วต้องถึงกับบังคับให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เร่งลงพื้นที่ทั้งที่ก่อนหน้านี้มอบหมายให้ดูแลปัญหาและดูแลงานด้านยุทธศาสตร์อยู่แล้วแต่ไม่เคยลงพื้นที่สักครั้งเดียว

แต่ที่น่าเป็นห่วงไปกว่านั้นก็คือเขาได้แต่งตั้งให้ “กลุ่มการเมือง” ในพื้นที่ในชื่อ “กลุ่มวาดะห์” ที่นำโดยวันมูหะมัดนอร์ มะทา และเด่น โต๊ะมีนา มาเป็นที่ปรึกษา โดยอ้างว่ารู้ข้อมูล และช่วยเหลืองานด้านการข่าวได้ดี อันจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

แน่นอนว่า เมื่อออกมาแบบนี้มันก็ทำให้ปัญหาชายแดนใต้กลายเป็นเรื่อง “การเมือง” มากขึ้น แทนที่จะเป็นการแก้ปัญหาจากรากเหง้าแท้จริง เพราะเมื่อมีกลุ่มวาดะห์ อีกฝ่ายก็ต้องมีอีกกลุ่มการเมืองในสังกัดประชาธิปัตย์ ที่ส่วนใหญ่ชนะการเลือกตั้งในหลายเขตเลือกตั้ง กลายเป็นว่าการแก้ปัญหาของ ร.ต.อ.เฉลิม กำลังจะถูกมองว่าพรรคเพื่อไทยขยายฐานทางการเมืองผ่านทางกลุ่มวาดะห์

คงไม่มีใครเถียงว่ากลุ่มวาดะห์เป็นคนในพื้นที่ หากินในพื้นที่มาช้านาน บางยุคสมัยได้ดิบได้ดีหัวหน้ากลุ่มได้เป็นถึงเสนาบดีใหญ่ อย่างเช่นยุคหนึ่ง วันมูหะมัดนอร์ มะทา ก็ได้เป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือแม้แต่ประธานสภาในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร มาแล้ว แต่ขณะเดียวกันเมื่อมีการแต่งตั้งกลุ่มการเมืองเข้ามาเป็นที่ปรึกษาทำให้มีภาพของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องทันที และกลายเป็นแนวทางที่ไม่ใช่การแก้ปัญหาแบบรากเหง้า เพราะในพื้นที่ไม่ใช่มีแต่กลุ่มนี้เพียงกลุ่มเดียว ที่ยังมีการแข่งขันแย่งชิงกันทางการเมืองและผลประโยชน์ เชื่อมโยงกับท้องถิ่นที่ซับซ้อน

นี่ยังไม่นับกรณีที่มีบางคนในจำนวนนั้นที่เคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีแบ่งแยกดินแดน ยังมีคดีติดตัว และที่สำคัญการแต่งตั้งบุคคลดังกล่าวย่อมต้องสร้างความอึดอัดใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่เคยไล่ล่าและรู้ประวัติคนพวกนี้ได้ดี และแม้ว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จะการันตีว่าได้รับไฟเขียวจากฝ่ายทหารแล้วก็ตาม แต่จะเชื่อได้อย่างไรว่าเป็นความรู้สึกที่ตรงกันข้าม

การแก้ปัญหาของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นาทีนี้ถือว่าสับสนน่าเวียนหัว อีกทั้งยังมี “วาระซ่อนเร้น” น่าเคลือบแคลง ซึ่งนอกจากโดยส่วนตัวแล้วยังไม่มีศักยภาพ ทำให้มีความหวังในการทำให้สถานการณ์ในพื้นที่ดีขึ้นกว่าเดิม และจากท่าทีที่ผ่านมาที่ไม่เคยลงพื้นที่แม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่งล่าสุดยังมีการแต่งตั้งกลุ่มวาดะห์มาเป็นที่ปรึกษา ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศเกิดความอึมครึมเกิดความระแวงมากขึ้น เพราะเท่ากับว่าเป็นการแก้ปัญหาเพื่อหวังผลทางการเมือง สำหรับพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ไม่ใช่มีเจตนาแก้ปัญหาอย่างแท้จริง

แต่ถ้าให้สรุปก็คือ นี่คือความผิดพลาดมาตั้งแต่ต้นที่มีคนอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงเข้ามารับหน้าที่แก้ปัญหา เพราะชายแดนใต้ต้องการคนที่ทุ่มเทและจริงใจเท่านั้น และที่ผ่านมาชายแดนใต้ก็โชคร้ายมาตลอด ที่ต้องเจอกับนักการเมืองประเภทนี้อยู่เสมอ!!

อัปยศ ถึงขั้นต้องบังคับให้ “เฉลิม” ลงพื้นที่ชายแดนใต้!!
อัปยศ ถึงขั้นต้องบังคับให้ “เฉลิม” ลงพื้นที่ชายแดนใต้!!
ทั้งที่จะว่าไปแล้วการเดินทางลงพื้นที่ชายแดนใต้ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หากจะลงไปจริงๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องนั่งรถไฟชั้นสามไปแบบโดดเดี่ยว ตรงกันข้ามย่อมต้องเกิดความวุ่นวาย เนื่องจากต้องใช้กำลังตำรวจและทหารอารักขากันเต็มพิกัด แต่ปริศนาก็คือทำไมถึง “ยังไม่กล้า” ลงไปสักที เพราะจะว่าไปแล้วทุกคนก็ย่อมรู้ดีว่าแม้เขาจะลงไปการแก้ปัญหาก็ไม่ได้ดีขึ้น แต่ในฐานะที่รับผิดชอบงานด้านยุทธศาสตร์ทำไมถึงไม่ยอมลงไป มีปัญหาอะไรที่ซ่อนอยู่ กันแน่ หรือว่าไม่มีอะไรซับซ้อน เพียงแค่ตัวเขา “ขี้ขลาดตาขาว” เท่านั้น และรู้ดีว่าในพื้นที่ดังกล่าวเป็น “เขตทหาร” ที่ปิดกั้นไม่ให้เขาแสดงอาการ “แอ๊กอาร์ต” ได้ตามปกติหรือเปล่า
กำลังโหลดความคิดเห็น