นิด้าเปิดเวที 5 ผู้สมัครเต็งผู้ว่าฯ กทม.โชว์วิสัยทัศน์ “เสรีพิศุทธ์” ชู 6 นโยบาย 5 ปราบ โอนตำรวจนครบาลขึ้นตรง กทม.“พงศพัศ” เน้นพัฒนาเพื่อต่อยอด ลดรายจ่าย “สุขุมพันธุ์” ขอสร้างความสมดุลคน, สิ่งแวดล้อม ยกระดับการศึกษาเน้นโตไปไม่โกง “สุหฤท” สร้าง 50 เสน่ห์เขตกรุง “โฆสิต” สร้างวัฒนธรรมนำเศรษฐกิจ
วันนี้ (19 ก.พ.) ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า จัดเวทีแสดงวิสัยทัศน์ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 2556 ในหัวข้อ “เปลี่ยนกรุงเทพฯ ด้วยมือเรา” โดยมีพลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครจากจากพรรคเพื่อไทย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวช นายโฆสิต สุวินิจจิต และ นายสุหฤท สยามวาลา ด้วยวิธีการจับสลากลำดับการแสดงวิสัยทัศน์
โดยผู้สมัครแต่ละคนแสดงวิสัยทัศน์ ที่จะทำให้ กทม.เป็นเมืองมหานครแห่งอาเซียน มีความสมดุลด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย แก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน สร้างคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น เป็นเมืองสีเขียว อาทิ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ ชูนโยบายตาม 6 นโยบาย 5 ปราบ โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของชาว กทม.ในฐานะที่มีประสบการณ์การทำงานด้านตำรวจ ซึ่งทันทีที่ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ จะโอนย้ายตำรวจนครบาลจาก สตช.ขึ้นตรงกับ กทม.โดยตรง เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้านพลตำรวจเอก พงศพัศ ให้ความสำคัญในชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นตัวตั้ง 2,038 ชุมชน ให้เข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาให้มีฐานรากมั่นคง เพื่อสามารถแก้ปัญหาด้วยตนเอง พร้อมการพัฒนาต่อยอด ลดรายจ่าย สร้างรายได้ เฝ้าระวังปัญหาอาชญากรรม 24 ชั่วโมง ด้วยการติดตั้งกล้องวงจรปิดในจุดเสี่ยง และประมวลภาพไปที่ศูนย์เฝ้าระวังของ กทม.
ส่วน หม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธุ์ ชูนโยบายการสร้างความสมดุลระหว่างคน สิ่งแวดล้อมวัตถุและความทันสมัย ยกระดับการศึกษาหลักสูตรการศึกษาโตไปไม่โกง ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความสมดุลให้ชาว กทม.อย่างทั่วถึงทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ประกอบการพัฒนาเชิงอนุรักษ์ ดูแลเศรษฐกิจรากหญ้า ซึ่งการบริหารงานของ กทม.สามารถตรวจสอบได้เรื่องความโปร่งใส
ขณะที่นายสุหฤท ระบุว่า อันดับแรกต้องให้ กทม.ทั้ง 50 เขต มีเสน่ห์ของตัวเองและพัฒนาทุกด้านไปพร้อมกัน เพื่อให้เกิดความทัดเทียม อาทิ พัฒนาทางเท้าเพื่อความปลอดภัย แก้ปัญหาการจราจร ด้วยการปรับเปลี่ยนวินัยและบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เชื่อมโยงโครงข่ายการจราจร เพราะจำนวนรถไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหา พัฒนาการศึกษา ให้มีโรงเรียนทางเลือกเฉพาะทาง และหลักสูตรนานาชาติราคาไม่แพง ส่วนการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน ต้องสร้างความเข้าใจไม่ให้เกิดการยอมรับ
ทางด้านนายโฆสิต ระบุ หากจะทำให้กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองมหานครอย่างแท้จริง ต้องเลือกผู้สมัครอิสระ ไม่ใช่พรรคการเมือง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนที่ผ่านมา ชูวัฒนธรรมไทยนำเศรษฐกิจและสังคม สร้างจิตสำนึกการทุจริตคอร์รัปชัน
อย่างไรก็ตาม แนวคิดเรื่องการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน ผู้สมัครทุกคนยืนยันตรงกันว่า พร้อมให้มีการตรวจสอบการทำงานของผู้ว่าฯ กทม.และปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันในทุกโครงการ รวมถึงข้าราชการกรุงเทพมหานครด้วย