“สมชัย” ชี้ศึกชิงผู้ว่าฯ กทม.รอบนี้ ตร.ชั้นผู้ใหญ่เอี่ยวยอะ ปลุกชุดปฏิบัติการทำหน้าที่เพื่อภาพลักษณ์ ตร. ผิดจริงจัดการอย่าเกรงใจ แต่ใช้วิธีที่เหมาะสม ยึด กม. รับโค้งสุดท้ายผู้สมัครกลัวแพ้ฟาวล์ แต่ยังต้องระวัง ลั่นอยู่ในตำแหน่งไม่ต้องกลัวถูกโยกย้ายไม่เป็นธรรม ย้ำอยู่พื้นที่ 1 ปีถึงเลือกได้ แจงไม่พบลอบย้ายเข้า กทม. คาดแค่เข้า รพ. ฝากชื่อเข้า ร.ร. ยันมีพิรุธแจ้งได้ทันที
วันนี้ (18 ก.พ.) นายสมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ด้านสืบสวนสอบสวน กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเป็นประธานเปิดการประชุมให้ความรู้ด้านกฎหมายเลือกตั้งและสร้างจิตสำนึกในการปฏิบัติหน้าที่ชุดปฏิบัติการป้องปรามการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลจาก 88 สถานี รวม 276 นาย ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะจะเรียกว่าเป็นประวัติศาสตร์ของการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ก็ได้ เพราะผู้สมัครหลายคนเป็นผู้ใหญ่ในวงการตำรวจมาก่อน มีทั้งอดีต ผบ.ตร.และรอง ผบ.ตร. ขณะที่ผู้ควบคุมจัดการเลือกตั้ง คือ กกต.กทม.ก็มีทั้งตำรวจยศ พล.ต.ท.และ พล.ต.ต. ดังนั้น ถ้าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตำรวจก็จะมีชื่อเสียง แต่ถ้าดำเนินการไม่ดีตำรวจไทยจะแย่
นายสมชัยยังกล่าวอีกว่า ตำรวจไม่ว่าจะตำแหน่งใหญ่ หรือตำแหน่งเล็กถ้าทำผิดกฎหมายตำรวจที่มีตำแหน่งเล็กกว่าก็สามารถจับตำรวจตำแหน่งใหญ่ได้ แต่การจะจับต้องไม่ทำแบบซี้ซั้ว ไม่เช่นนั้นจะแย่ จึงต้องมีวิธีการจับที่ถูกต้องเหมาะสม
“การจับผู้หลักผู้ใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อีกทั้งผู้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งไม่ใช่ผู้ร้าย หรืออาชญากร แต่เป็นเรื่องทางการเมือง การปกครอง การจับจึงต้องจับแบบการปกครอง ต้องมีวิธีการปฏิบัติที่เหมาะสมถูกต้อง ไปสุ่มสี่สุ่มห้าจับอาจซวยมีผลสะท้อนกลับมา อีกทั้งผู้สมัครที่จะทำผิดเขาไม่มาทำให้เห็นเพื่อให้เราจับง่ายๆ แน่นอน ส่วนตัวแทนหัวคะแนนหากเราเห็นเขาทำผิดแล้ววิ่งหนีก็ไม่ต้องวิ่งตาม แต่ใช้วิธีการเก็บหลักฐานไว้ หากมีเรื่องร้องเรียนเข้ามายัง กกต.ก็จะได้นำเอกสารเหล่านั้นมาประกอบการพิจารณาได้” กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนกล่าว
อีกทั้งขณะนี้เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว ผู้สมัครจะงัดกลยุทธ์ต่างๆ ออกมา ซึ่งไม่อยากให้ผู้ที่มาร่วมงานกับ กกต.รู้สึกหวั่นไหวต่อการดำเนินการกับผู้กระทำผิด เพราะแม้ผู้สมัครฯ จะมียศนายพล หรือเป็นเจ้านายเก่า แต่ให้คิดว่าเป็นการทำงานเพื่อบ้านเมือง เพราะท้ายที่สุดหากนายกรัฐมนตรีหรือ ส.ส.เมื่อทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดี ฉะนั้นขอให้ยึดมั่นในกฎหมาย
“นักการเมืองยศร้อยตำรวจเอกยังมีตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีควบคุมนายตำรวจได้ หากพวกคุณเริ่มทำงาน ปฏิบัติงานที่ถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่วันนี้ ต่อไปเวลาลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ชื่อตรงนี้ก็จะปรากฏ เพราะฉะนั้นก็ขอให้กำลังใจและขอให้ความหวังว่านายตำรวจจะทำงานด้วยความเอาใจใส่ ยึดถือประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง” นายสมชัยกล่าว
นายสมชัยให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายเท่าที่ดูผู้สมัครมีการระมัดระวังตัวมากขึ้น เพราะเกรงว่าใกล้เลือกตั้งถ้าถูกร้องเรียนก็อาจทำให้แพ้ฟาวล์ได้ ซึ่งถึงแม้ว่าการแข่งขันจะเข้มข้นแต่ก็ยังไม่มีเรื่องร้องเรียนเพิ่มเติมจากเรื่องการทำโพล และการใส่ร้าย
เมื่อถามว่าจะให้ความมั่นใจต่อนายตำรวจที่เข้าอบรมได้อย่างไรว่าหากไปจับผู้กระทำผิดแล้วจะไม่ถูกย้าย นายสมชัยกล่าวว่า รอง ผบช.น.อยู่ตรงนี้การันตีได้ว่าถ้าปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่มีการถูกโยกย้ายโดยไม่เป็นธรรมในช่วงของการเลือกตั้งอย่างแน่นอน เพราะการโยกย้ายในช่วงเลือกตั้งนั้นจะต้องรายงานให้ กกต.รับทราบด้วย แต่หากพ้นช่วงเลือกตั้งไปแล้ว ถูกกลั่นแกล้ง ก็รับปากว่าจะช่วยดูแลหากตนยังอยู่ในตำแหน่ง
นายสมชัยยังยืนยันด้วยว่า ผู้ที่จะมีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จะต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในกรุงเทพมหานครไม่น้อยกว่า 1 ปี ตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งท้องถิ่น ไม่ใช่ 90 วันตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร เพราะมาตรา 3 ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้งท้องถิ่นระบุว่า เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บังคับ พ.ร.บ.นี้แก่การเลือกตั้งท้องถิ่นแล้วให้กฎหมายที่ขัดหรือแย้งกับ พ.ร.บ.นี้เป็นอันตกไป อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีการย้ายคนเข้ามาเพื่อใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้ มีแต่ย้ายมาเพื่อสิทธิประโยชน์อื่น เช่น การรักษาพยาบาล เพื่อการเข้าโรงเรยีนของบุตร ดังนั้น หากผู้ใดพบเห็นว่ามีการย้ายคนเข้ามาในทะเบียนบ้านแบบผิดปกติก็สามารถแจ้งไปยังสำนักงานเขต หรือ กกต.กทม. รวมถึงขอให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ตรวจสอบการมีสิทธิเลือกตั้งของตนเองด้วย