ม.หอการค้าไทย จัดเวทีประชันวิสัยทัศน์ผู้ว่าฯ กทม. “พงศพัศ” เผยอยากให้ กทม.ปลอดภัย ไร้ยาเสพติด ลดรายจ่ายขายข้าวแกง 15 บาท “สุขุมพันธุ์” ชูศูนย์กลางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม รับแก้ปัญหาจราจรยาก หันใช้แอปสมาร์ทโฟนแสดงผลการจราจร ลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า ทำอุโมงค์ลอดทางรถไฟ “โฆสิต” ผลักดันผู้ว่าฯ 3 กะ ให้นักศึกษามีงานทำ ค้าขายได้ 24 ชั่วโมง “สุหฤท” ชูความแปลกและอบอุ่น ดึงเมืองเด่นมารวมไว้
วันนี้ (15 ก.พ.) ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เมื่อเวลา 09.00 น. ได้มีการประชันวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจและสังคมของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในหัวข้อ “นโยบายผู้ว่าฯ คนใหม่ : เป๊ะ เวอร์ โดนใจวัยรุ่น” โดยมีผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เข้าร่วม อาทิ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย, นายสุหฤท สยามวาลา ผู้สมัครอิสระ, ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ และนายโฆสิต สุวินิจจิต ผู้สมัครอิสระ ซึ่งได้รับความสนใจจากนักศึกษา คณาจารย์ และประชาชนเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก โดยผู้สมัครผู้ว่าฯ แต่ละคนต่างแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อต่างๆ ที่ทางคณะทีมงานได้จัดเตรียมไว้ ซึ่งหัวข้อคำถามหลัก การจะทำให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครในด้านไหน จะพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมด้วยยุทธศาสตร์อะไร และจะดูแลเยาวชนไทยอย่างไรให้เกิดความเท่าเทียมในด้านการศึกษา
โดยทางด้าน พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า อยากทำให้ กทม. เป็นมหานครแห่งความปลอดภัย ไร้ยาเสพติด รวมทั้งปัญหาอาชญากรรมจะนำผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเข้ากระบวนการบำบัด เฝ้าระวังไม่ให้เด็กลับไปติดยาเสพติด โดย กทม. จะเป็นผู้ประสานแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจัง แต่ทั้งนี้ไม่ใช่เฉพาะคน กทม. เท่านั้น แต่รวมถึงนักท่องเที่ยวก็ต้องได้รับความปลอดภัย ไม่ต้องถูกกระทำจากคนร้าย ซึ่งตนมีนโยบายศูนย์เฝ้าระวังอาชญากรรม จะประสานติดตั้งกล้องซีซีทีวีทั่ว กทม. จะใช้โปรแกรมดิค็อกดิชั่นตรวจสอบผู้ต้องสงสัย ประสานงานการไฟฟ้านครหลวงติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างทั่วทุกพื้นที่จุดเสี่ยงต่างๆ และต้องมีระบบป้องกันอัคคีภัยโดยเข้าถึงสถานที่เกิดเหตุให้เร็วขึ้น ซึ่งศูนย์เฝ้าระวังจะดูแลตรงส่วนนี้เพื่อให้กทม.เป็นนครแห่งความปลอดภัยอย่างแท้จริง
“ปัญหาปากท้อง ตนต้องการจะลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ให้ชุมชนซึ่งอาจจะเสนอให้มีร้านขายข้าวแกง15 บาท หน้าชุมชนและตามโรงเรียน มหาวิทยลัย อยากจะสร้างตลาดที่สามารถให้นำสินค้าของคน กทม. ทั้ง 50 เขตมาสู่โครงการสินค้าโอทอป และทำเป็นธุรกิจเอสเอ็มอีทั้ง 2,030 ชุมชน เป็นการปูรากฐานให้คน กทม. มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งอาจจะมีส่วนทำให้ปัญหาอาชญากรรมลดลงได้” พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าว
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวอีกว่า ในประเด็นการดูแลเยาวชนที่สามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือกลุ่มที่มีปัญหาและไม่มีปัญหา โดยกลุ่มเยาวชนที่มีปัญหาส่วนใหญ่มักจะติดยาเสพติด เราต้องให้โอกาสเยาวชนให้ได้กลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ ด้วยการเข้ารับการบำบัดเพื่อคืนสู่อ้อมอกของพ่อแม่ และต้องดูแลต่อเนื่องไม่ให้กลับไปสู่วงจรเดิมๆ ส่วนกลุ่มเยาวชนที่ไม่มีปัญหาทาง กทม. ต้องจัดหาตลาดงานรองรับเด็กที่จบใหม่ ซึ่งจะต้องประเมินและส่งผ่านไปไหนโดยต้องประสานงานกับรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อที่ทางเราจะพูดคุยกับกระทรวงแรงงาน
ด้านนายสุหฤท กล่าวว่า กรุงเทพมหานครมีความแปลกและมีความอบอุ่น ตนตั้งใจจะนำเมืองเด่นๆ ในแถบภูมิภาคนี้ เช่น ซิดนีย์ที่เป็นเมืองแห่งความสนุกและตื่นเต้น สิงคโปร์ที่มีทางเท้าที่มีคุณภาพ หรือมาเลเซียซึ่งเป็นเมืองสีเขียวเป็นต้น และนำเอาจุดเด่นของแต่ละเมืองมารวมไว้ที่กรุงเทพ ฯ และทำให้แต่ละเขตมีจุดแข็งเป็นของตัวเอง แต่เมื่อมาดูความพร้อมทางด้านเศรษฐกิจ พื้นที่ความพร้อมเรามีความได้เปรียบที่สุด นอกจากนี้ควรมีโรงเรียนทางเลือก อาทิ สาขาของมหาวิทยาลัยในต่างประเทศด้วย อย่างไรก็ตามจะให้ความสำคัญต่อการดูแลความปลอดภัย และจะเอาใจวัยรุ่นโดยการทำ วอล์คกิ้ง สตรีท เพื่อเป็นเวทีแสดงความสามารถและขายของของคนกรุงเทพฯ
ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่ากรุงเทพมหานครมีความโดดเด่นอยู่แล้ว แต่การจะทำให้โดดเด่นในเวทีโลกนั้น จึงต้องดูจุดแข็งในศักยภาพของเศรษฐกิจที่ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เห็นได้จากศักยภาพจากที่ตั้งที่เป็นศูนย์กลางของอาเซียนและเชื่อมโยงกับภูมิภาคจีนตอนใต้ และศักยภาพของการท่องเที่ยวและบริการ ทั้งนี้จะขับเคลื่อนกรุงเทพให้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมด้วย
อย่างไรก็ตามการแก้ปัญหาการจราจรถือเป็นเรื่องที่แก้ไขลำบากเนื่องมาจากนโยบายรถคันแรกของรัฐบาลและการก่อสร้างรถไฟฟ้า ในระยะแรกจึงไม่อาจแก้ไขได้ แต่สามารถบรรเทาได้โดยใช้แอปพลิเคชั่นสมาร์ทโฟน เพื่อแสดงความหนาแน่นของรถ ที่จอดรถแนวตั้ง ลดราคาค่ารถไฟฟ้า และทำอุโมงค์ลอดใต้รถไฟเป็นต้น
ส่วนนโยบายของเยาวชนนั้นจะพัฒนาศูนย์เด็กเล็กก่อนวัยเรียน ให้อาหารเช้าฟรีกับโรงเรียนในกรุงเทพฯ และจะสร้างโรงเรียนกีฬาและดนตรีสำหรับเด็ก รวมถึงเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ให้เยาวชนแสดงผลงานด้วย นอกจากนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยังได้ตอบคำถามเกี่ยวกับปัญหาร้านเหล้ารอบมหาวิทยาลัยของนักศึกษาว่า จะให้เทศกิจตรวจตราตามที่ต่างๆ เพื่อความเรียบร้อย
ส่วนนายโฆสิต กล่าวว่า จะให้นักศึกษาที่เรียนจบมีงานทำ ทั้งนี้จะให้กรุงเทพเติบโตทั้งในแง่เศรษฐกิจและสังคม เป็นมหานครแห่งการค้า โดยสามารถค้าขายได้ 24 ชั่วโมง ขณะเดียวกันกรุงเทพก็เหมาะที่จะเป็นมหานครแห่งศิลปะและวัฒนธรรมแห่งอาเซียน เป็น ฮอลีวูด ออฟ เอเชีย นอกจากนี้ยังจะให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครแห่งความสร้างสรรค์ด้วย ขณะเดียวกันจะให้กรุงเทพเป็นมหานครแห่งการเรียนรู้ สุดท้ายจะต้องเป็นมหานครแห่งสุขภาพ
โดยกรอบนโยบาย 24 ชั่วโมงผู้ว่า 3 กะ จะผลักดันให้เป็นจริงให้ได้ โดยส่วนตัวจะให้ความสำคัญกับทุกปัญหา เพราะชาว กทม. ไม่สามารถรอได้ตั้งแต่การจราจร โดยเฉพาะเศรษฐกิจแนวใหม่คือเศรษฐกิจวัฒนธรรม หรืออุตสาหกรรมบันเทิง ซึ่งจะทำให้วัฒนธรรมของไทย เช่น อาหาร สมุนไพร หรือเครื่องนุ่งห่มแบบไทยๆ ก็สามารถนำมาเป็นจุดขายได้
สำหรับภารกิจของผู้สมัครแต่ละราย ในเวลา 16.30 น. พล.ต.อ.พงศพัศจะลงพื้นที่หาเสียงที่สำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ อาคารเอสซีบี ปาร์ค พลาซ่า สี่แยกรัชโยธิน เขตบางเขน ต่อมาจะเดินทางไปตลาดบางกะปิ เขตบางกะปิ และปิดท้ายด้วยการขึ้นเวทีปราศรัย ที่สนามกีฬาการเคหะแห่งชาติคลองจั่น เขตบางกะปิ ทั้งนี้ ตามรายงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะมาร่วมปราศรัยด้วย
ส่วน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หลังเสร็จสิ้นเวทีประชันวิสัยทัศน์ ได้เดินทางต่อไปยังชุมชนสามัคคีร่วมใจ และชุมชนบางบัว เขตบางเขน ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยที่วงเวียนใหญ่ เขตธนบุรี โดยตามกำหนดการจะขึ้นเวทีเวลา 19.00 น. ทั้งนี้ เวทีดังกล่าวมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค, นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายบัญญัติ บรรทัดฐาน และปิดท้ายด้วยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์