“เรืองไกร” ร้อง กกต.เอาผิด “อภิสิทธิ์-ศิริโชค-ดร.เสรี” ใส่ร้าย “พงศพัศ” เจอ กกต.กทม.สวนไม่มีสิทธิร้องเรียน เหตุไม่ใช่ผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. “สัณหพจน์” ยื่นร้องเพิ่มเติมเล่นงานทำโพลชี้นำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 ก.พ.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง และ พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธาน กกต.ประจำกรุงเทพมหานคร เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายศิริโชค โสภา ที่เป็น ส.ส.ฐานเป็นผู้ที่กระทำการฝ่าฝืน มาตรา 57 แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 หรือไม่ จากกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยกล่าวหาว่านายศิริโชคได้โพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊กในลักษณะใส่ร้าย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับการเผาบ้านเผาเมือง ว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ดังกล่าวตามมาตรา 57 (5) ที่มีเนื้อหา “หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้าย หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในเรื่องใดอันเกี่ยวกับผู้สมัครใด” หรือไม่ รวมถึงนายอภิสิทธิ์ ที่ไปปราศรัยว่า “อภิสิทธิ์เบอร์อะไร”… (16) ประชาธิปัตย์เบอร์อะไร... (16)” ทั้งที่นายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่ผู้สมัครตามความหมายในมาตรา 4 แต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังขอให้ตรวจสอบกรณีที่ ดร.เสรี วงศ์มณฑา นักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า “ใครก็ตามที่ไม่ต้องการให้เพื่อไทยยึดครองกรุงเทพฯ ปราการด่านสุดท้ายที่เหลืออยู่ เราต้องถามตัวเองว่าจะลงคะแนนให้ใครที่จะทำให้พงศพัศ ไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ คำตอบก็คือคุณชายสุขุมพันธุ์ หมายเลข 16” ซึ่งอาจเข้าข่ายถือเป็นผู้ที่กระทำการใส่ร้าย หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในเรื่องใดอันเกี่ยวกับผู้สมัครใดอันความผิด ตามมาตรา 57 (5) หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่าการยื่นเรื่องให้ตรวจสอบในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติที่จะเจาะจงเอาผิดกับผู้สมัครรายใดหรือพรรคการเมืองใด แต่กรณีดังกล่าวนี้ เมื่อพบว่าเข้าข่ายที่จะผิดกฎหมายการเลือกตั้ง ตนก็จำเป็นต้องยื่นเรื่องให้ กกต.ดำเนินการตรวจสอบ
ขณะเดียวกัน นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 6 ได้เดินทางมายื่นเอกสารเพิ่มเติมกับทาง กกต.กทม.หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เคยมายื่นเรื่องร้องเรียนขอให้ทาง กกต.กทม.ตรวจสอบการทำผลสำรวจความเห็นของประชาชนของสวนดุสิตโพล เอแบคโพลล์ และกรุงเทพโพลล์ เนื่องจากพบว่าการนำเสนอผลโพลของสำนักโพลดังกล่าวนั้น มีพฤติกรรมชี้นำสังคม โดยเอกสารที่นำมายื่นมีความชัดเจนว่าต้องการฟ้องร้องใคร ตามที่ กกต.กทม.เคยระบุไว้ ซึ่งตนก็ได้ระบุชัดในเอกสารว่า ต้องการฟ้องร้องสวนดุสิตโพล เอแบคโพลล์ และกรุงเทพโพลล์ เพราะการทำโพลของทั้ง 3 สำนัก ทำให้ 2 พรรคการเมืองใหญ่ได้ประโยชน์ นั่นคือ พล.ต.อ.พงศพัศ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 9 พรรคเพื่อไทย และม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 16 พรรคประชาธิปัตย์
“ถึงเวลาแล้วที่ต้องจัดการกับสำนักโพลเหล่านี้ โดยเฉพาะนายสุขุม เฉลยทรัพย์ แห่งสวนดุสิตโพล ที่ทำผลโพลมา 7-8 ปี ก็สร้างความวุ่นวายให้สังคมมาโดยตลอด ได้ประโยชน์จากการทำโพลชี้นำสังคม ฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่ต้องติดคุก” นายสัณหพจน์กล่าว
ขณะที่ พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ กล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ยื่นเรื่องให้ กกต.กทม.ตรวจสอบไม่ทราบว่านายเรืองไกร มาร้องเรียนในฐานะอะไร หากมาร้องเรียนในฐานะผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะสามารถร้องเรียนผู้สมัครได้เฉพาะในส่วนของคุณสมบัติ ส่วนการจะร้องกรณีที่ผู้สมัครกระทำการผิดกฎหมายเลือกตั้ง ต้องเป็นผู้สมัครลงเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนใดส่วนเสียกับการเลือกตั้ง หรือ กกต.ต้องเป็นผู้หยิบเรื่องมาพิจารณาเอง จึงอยากถามกลับว่านายเรืองไกรอยู่ในฐานะอะไร มีส่วนได้เสียต่อการเลือกตั้งอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 ก.พ.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง และ พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธาน กกต.ประจำกรุงเทพมหานคร เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายศิริโชค โสภา ที่เป็น ส.ส.ฐานเป็นผู้ที่กระทำการฝ่าฝืน มาตรา 57 แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 หรือไม่ จากกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยกล่าวหาว่านายศิริโชคได้โพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊กในลักษณะใส่ร้าย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับการเผาบ้านเผาเมือง ว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ดังกล่าวตามมาตรา 57 (5) ที่มีเนื้อหา “หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้าย หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในเรื่องใดอันเกี่ยวกับผู้สมัครใด” หรือไม่ รวมถึงนายอภิสิทธิ์ ที่ไปปราศรัยว่า “อภิสิทธิ์เบอร์อะไร”… (16) ประชาธิปัตย์เบอร์อะไร... (16)” ทั้งที่นายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่ผู้สมัครตามความหมายในมาตรา 4 แต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังขอให้ตรวจสอบกรณีที่ ดร.เสรี วงศ์มณฑา นักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า “ใครก็ตามที่ไม่ต้องการให้เพื่อไทยยึดครองกรุงเทพฯ ปราการด่านสุดท้ายที่เหลืออยู่ เราต้องถามตัวเองว่าจะลงคะแนนให้ใครที่จะทำให้พงศพัศ ไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ คำตอบก็คือคุณชายสุขุมพันธุ์ หมายเลข 16” ซึ่งอาจเข้าข่ายถือเป็นผู้ที่กระทำการใส่ร้าย หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในเรื่องใดอันเกี่ยวกับผู้สมัครใดอันความผิด ตามมาตรา 57 (5) หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่าการยื่นเรื่องให้ตรวจสอบในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติที่จะเจาะจงเอาผิดกับผู้สมัครรายใดหรือพรรคการเมืองใด แต่กรณีดังกล่าวนี้ เมื่อพบว่าเข้าข่ายที่จะผิดกฎหมายการเลือกตั้ง ตนก็จำเป็นต้องยื่นเรื่องให้ กกต.ดำเนินการตรวจสอบ
ขณะเดียวกัน นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 6 ได้เดินทางมายื่นเอกสารเพิ่มเติมกับทาง กกต.กทม.หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เคยมายื่นเรื่องร้องเรียนขอให้ทาง กกต.กทม.ตรวจสอบการทำผลสำรวจความเห็นของประชาชนของสวนดุสิตโพล เอแบคโพลล์ และกรุงเทพโพลล์ เนื่องจากพบว่าการนำเสนอผลโพลของสำนักโพลดังกล่าวนั้น มีพฤติกรรมชี้นำสังคม โดยเอกสารที่นำมายื่นมีความชัดเจนว่าต้องการฟ้องร้องใคร ตามที่ กกต.กทม.เคยระบุไว้ ซึ่งตนก็ได้ระบุชัดในเอกสารว่า ต้องการฟ้องร้องสวนดุสิตโพล เอแบคโพลล์ และกรุงเทพโพลล์ เพราะการทำโพลของทั้ง 3 สำนัก ทำให้ 2 พรรคการเมืองใหญ่ได้ประโยชน์ นั่นคือ พล.ต.อ.พงศพัศ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 9 พรรคเพื่อไทย และม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 16 พรรคประชาธิปัตย์
“ถึงเวลาแล้วที่ต้องจัดการกับสำนักโพลเหล่านี้ โดยเฉพาะนายสุขุม เฉลยทรัพย์ แห่งสวนดุสิตโพล ที่ทำผลโพลมา 7-8 ปี ก็สร้างความวุ่นวายให้สังคมมาโดยตลอด ได้ประโยชน์จากการทำโพลชี้นำสังคม ฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่ต้องติดคุก” นายสัณหพจน์กล่าว
ขณะที่ พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ กล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ยื่นเรื่องให้ กกต.กทม.ตรวจสอบไม่ทราบว่านายเรืองไกร มาร้องเรียนในฐานะอะไร หากมาร้องเรียนในฐานะผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะสามารถร้องเรียนผู้สมัครได้เฉพาะในส่วนของคุณสมบัติ ส่วนการจะร้องกรณีที่ผู้สมัครกระทำการผิดกฎหมายเลือกตั้ง ต้องเป็นผู้สมัครลงเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนใดส่วนเสียกับการเลือกตั้ง หรือ กกต.ต้องเป็นผู้หยิบเรื่องมาพิจารณาเอง จึงอยากถามกลับว่านายเรืองไกรอยู่ในฐานะอะไร มีส่วนได้เสียต่อการเลือกตั้งอย่างไร
