เกาะกระแส
00 เชื่อว่าหลายคนที่เป็นสาวกของ “แมลงสาบ”ปชป.คงจะกระอักกระอ่วนพิลึก กับการที่ถูกฝ่ายรัฐบาลใช้กลไกรัฐที่อยู่ในมือของตัวเองไล่บี้หลายโครงการในอดีต ในสมัยรัฐบาล “สองเกลอ” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ สุเทพ เทือกสุบรรณ เล่นงานเข้ามาเป็นชุดใหญ่หายใจหายคอแทบไม่ทัน เรื่องราวทุจริตโครงการก่อสร้างโรงพักและแฟลตตำรวจ ใช้ทั้งกลไกตำรวจที่มี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว และ ดีเอสไอของ ธาริต เพ็งดิษฐ์ เจ้าเก่าประสานกันเปิดเกมรุกเข้ามาพร้อมกัน ทำเอาตอนนี้ ปชป.ขยับไปไหนไม่ออก การเดินหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ช่วย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริบัตร นาทีนี้แทบไร้พลัง
00 ล่าสุด ปปง.แถลงอายัดทรัพย์สิน “บ่อนเตาปูน” ทั้งอาคารและที่ดินรวมแล้วกว่า 10 ล้านบาท และไม่ต้องบอกก็รู้กันดีว่าบ่อนดังกล่าวเป็นของ “ขาใหญ่” ย่านดุสิต-บางซื่อ ความหมายก็คือต่อไปนี้ทุกอย่าง “ถูกปิดตาย” ทำให้ต้องขาดรายได้ก้อนใหญ่ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับเป็นการสร้างแรงสั่นสะเทือนทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฉพาะหน้าสำหรับการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.
00 ทางตรงก็คือต้องยอมรับว่าในพื้นที่ “กทม.ชั้นใน” ถือว่าเป็นฐานเสียงที่แข็งของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร โดยเฉพาะเขตพระนคร-ดุสิต-บางซื่อ รับรองว่า “แน่นปึ้ก” ดังนั้นถ้าจะ “บล็อก”ก็ต้องเล่นงานใน “จุดที่แข็ง” ให้ “กลายเป็นจุดอ่อน” เสียก่อน ส่วนถามว่าแล้วเกี่ยวข้องอย่างไรกับปชป.นั้นคำตอบเป็นอย่างไรไม่รู้ รู้แต่ว่าในย่านนี้มี ส.ส.ปชป.ที่ชื่อ “ชื่นชอบ คงอุดม” ลูกชายของ “ชัช เตาปูน” รวมอยู่ด้วย ส่วนจะเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกปปง.ยึดทรัพย์บ่อนเตาปูนหรือเปล่าก็ต้องไปหาคำตอบเอาเอง
00 สำหรับเรื่องทุจริตการก่อสร้างโรงพักก็กำลังเดินหน้าอย่างเต็มกำลังและแน่นอนว่า ธาริต เพ็งดิษฐ์ ก็ต้อง “จัดหนัก” เช่นเคย อ้างหลักฐานโผล่ขึ้นมารายวัน จากเดิมที่คิดว่าต้อง “โดน”เฉพาะ เทพเทือก ที่เคยคุมสตช.ที่ไหนได้งานนี้กะจะเล่นงานเป็น “แพ็กคู่” เช่นเคย ล่าสุดเห็นแง้มออกมาให้เห็นว่า มาร์ค เอี่ยวในเรื่องการลงนามอนุมัติในฐานะนายกรัฐมนตรีด้วย นี่แหละถึงได้บอกว่าปวดหัวไม่เบา แค่ชี้แจงข้อกล่าวหาก็เสียเวลาพอแล้ว ทีนี้จะมีเวลาขยับไปไหนได้ และที่สำคัญยังเป็นการทำลายภาพลักษณ์ในช่วงเวลาสำคัญด้วย แต่พูดก็พูดเถอะมองอีกด้านหนึ่งอย่าง “กลางๆ” มันก็ “มีส่วนจริง” ไม่น้อย ภาพที่เห็นมันก็เถียงไม่ออกเหมือนกันนะ
00 ด้านรัฐบาลก็ใช้วิธีเซฟตัวเองให้มากที่สุด อย่างน้อยก็ต้องให้ผ่านช่วงเวลาสำคัญนี้ไปก่อน ทั้งเรื่องแถลงผลงานในรอบ 1 ปี นี่ก็ผ่านมาเกือบสองปีแล้วก็ยังทำหูทวนลมไม่สนใจฝ่ายค้านที่เร่งเร้าให้เปิดอภิปรายในสภา แต่ในเมื่อตัวประธานสภาคือ “ค้อนเน่า” สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ยังเป็นลูกน้องรัฐบาล มันก็ยื้อได้อีกนานโข อย่างน้อยก็ผ่านการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ไปก่อนนั่นแหละ หรือแม้แต่การกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาทก็ยังทำยึกยัก อ้างว่าต้องรอตรวจสอบให้รอบคอบ ทำทีให้ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เรียกประชุมทบทวนความสำคัญแต่ละโครงการ ความหมายก็คือทำทุกอย่างให้ “นิ่ง” ที่สุด
00 แม้แต่ พ.ร.บ.นิรโทษฯที่เสนอโดย อุกฤษ มงคลนาวิน ประธาน คอ.นธ.ก็รับมาไปพักไว้ก่อน ส่งต่อให้กฤษฎีกาพิจารณาซื้อเวลาไปอีกพักใหญ่ ด้านหนึ่งก็แสดงให้เห็นว่าเป็นการ “รับลูก” อีกด้านหนึ่งก็เป็นการประวิงเวลาไปก่อน ขณะเดียวกันประโยชน์ที่ ทักษิณ ชินวัตร จะได้รับก็ยังมีอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่ว่า “จังหวะ” ยังไม่ได้เท่านั้นเอง รอให้ “เจ้าจูดี้” พงศพัศ พงษ์เจริญ เข้าป้ายเสียก่อนเถอะน่า ค่อยรุกใหญ่อีกทียังไม่สาย !!