ASTVผู้จัดการ - “มานิจ สุขสมจิตร” เผยกรณีลาออกจากนายกสภา มรภ.สวนดุสิต เริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่ถูกผู้บริหารขอร้องให้อยู่ต่อ กระทั่งเปิดใจกลางที่ประชุมสภามหาวิทยาลัย ชี้เหตุจุดยืนต่างกัน ไม่เห็นด้วยเอาชื่อไปเกี่ยวข้องการเมือง รับจัดเวทีชำเรารัฐธรรมนูญ 108 เวทีทั่วประเทศ ตั้งคำถาม “สวนดุสิตโพล” ผิดหลักวิชาการ-รับใช้ใครหรือไม่ รับไม่สบายใจเมื่อถูกวิจารณ์หนาหู ยันไร้ขัดแย้งผู้บริหาร
วันนี้ (5 ก.พ.) นายมานิจ สุขสมจิตร สื่อมวลชนอาวุโส อดีตประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และอดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ให้สัมภาษณ์กับ “ASTVผู้จัดการออนไลน์” ถึงกรณีที่มีข่าวว่าได้ประกาศลาออกจากการเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต โดยกล่าวว่า ตนได้ลาออกตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2556 ที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็มีผู้บริหารมหาวิทยาลัย และผู้หลักผู้ใหญ่มาขอร้องให้ดำรงตำแหน่งต่อ ตนก็เรียนไปว่าถ้าจะอยู่ต่อตนคงไม่ลาออก ผู้บริหารมหาวิทยาลัยจึงขอร้องว่าให้มาแถลงถึงเหตุผลในที่ประชุมสภามหาวิทยาลัย
ทั้งนี้ ในการประชุมสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนก็ไปชี้แจงว่า มีคนไปพูดต่างๆ นานาว่าเหตุที่ตนลาออกเพราะจะไปอยู่ต่างประเทศบ้าง สุขภาพไม่ดีบ้าง ตนก็กล่าวว่าความจริงคือตนทำหนังสือขอยุติบทบาท เนื่องจากได้ทำหน้าที่มานานแล้ว และขอยุติบทบาทการเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.เป็นต้นไป เหตุผลสำคัญตนก็แถลงว่าเนื่องจากจุดยืนของมหาวิทยาลัยต่างกัน
“ผมไม่เห็นด้วยกับการที่มหาวิทยาลัยเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง เพราะว่าการเมืองมันมาแล้วมันก็ไป แต่มหาวิทยาลัยยังอยู่ การไปผูกพันกับรัฐบาลช่วงใดช่วงหนึ่งแล้วถ้าหากว่าไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้วมันก็จะเป็นยังไง เพราะฉะนั้นเรื่องสำคัญก็คือ เรื่องที่เขาไปรับจัดเวทีแก้ไขรัฐธรรมนูญ 108 เวที และที่รัฐมนตรีมหาดไทย (นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ) สั่งให้ผู้ว่าฯ ให้นายอำเภอเกณฑ์คนมาฟังแล้วก็บอกว่าคนโง่ไม่ต้องออกมา เมื่อต้นเดือน ธ.ค. 2555 ผมก็คิดว่า มหาวิทยาลัยเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองมากเกินไป ถ้าเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยอื่นๆ เขาไปส่วนตัว เขาไม่ใช้ทั้งมหาวิทยาลัย ไม่เอามหาวิทยาลัยมาเกี่ยวข้องด้วย” นายมานิจกล่าว
นายมานิจกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในเรื่องการทำแบบสำรวจความคิดเห็น (โพล) ซึ่งคนวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่าโพลนี้ถูกต้องตามหลักวิชาการหรือเปล่า เอื้อประโยชน์ให้ใครหรือไม่ โดยเฉพาะโพลเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งถามว่านักการเมืองคนไหนอยากให้รอดหากวันสิ้นโลกเป็นจริง เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ตนคิดว่านอกจากไร้สาระแล้วยังทำเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ใครอยู่หรือไม่ ซึ่งขอย้ำว่าตนไม่ได้กล่าวว่ารับจ้างใครมาทำ แต่ตนเห็นว่ามันไม่น่าจะถูกต้องตามหลักวิชาการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การลาออกจากตำแหน่งในครั้งนี้มีความขัดแย้งระหว่างผู้บริหารหรือไม่ นายมานิจกล่าวว่า ไม่มี มีแค่เรื่องจุดยืนต่างกัน ต่อข้อถามที่ว่า การทำหน้าที่ของสวนดุสิตโพลที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมากในยุคนี้ คิดว่าอย่างไร นายมานิจกล่าวว่า ตนก็ตั้งข้อสงสัยว่าทำถูกต้องตามหลักวิชาการหรือเปล่า และทำเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ใครหรือเปล่า
“ผมไม่สบายใจ เมื่อมีคนมาถามกับผม ผมก็ตอบอะไรเขาไม่ได้ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนมากมายก่ายกอง ทั้งบ้านทั้งเมือง คนเป็นนายกสภาฯ อยู่ทำยังไง เพราะฉะนั้น ผมก็คิดว่าเมื่อจัดการกับคนอื่นไม่ได้ ก็จัดการกับตนเอง ตนจึงขอถอนตัวออกมา” นายมานิจกล่าว
เมื่อถามว่า ในเมื่อนายมานิจมาอยู่วงนอกแล้ว อยากจะให้มหาวิทยาลัยเป็นไปในทางไหนจึงเห็นว่าเหมาะสม นายมานิจกล่าวว่า ตนคิดว่ามหาวิทยาลัยไม่ควรไปเกี่ยวข้องกับการเมือง ส่วนอาจารย์จะไปเป็นส่วนตัวก็เรื่องของอาจารย์ แต่ว่าการเอามหาวิทยาลัยทั้งมหาวิทยาลัยมาเกี่ยวข้องการเมืองนั้นเห็นว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ตนเห็นว่าการไปรับจัดเวทีเสวนา 108 เวทีทั่วประเทศ เป็นการเอาทั้งมหาวิทยาลัยเข้าไปจัดกัน เพราะลำพังเพียงคนเดียวทำไม่ได้
นอกจากนี้ นายมานิจยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่อยากให้เรื่องนี้บานปลาย อีกทั้งจากกระแสข่าวที่ตนกล่าวว่ามหาวิทยาลัยไปรับจ้างกระทรวงมหาดไทยมาทำโพลนั้น ตนไม่ได้พูดเช่นนั้น