“เด็จพี่” เล็งยื่น ปปง.สอบโกงงบสร้างโรงพัก จี้ ปชป.แจง-ไม่เหลิง “จูดี้” คะแนนนำ

โฆษก พท.อ้างผลสอบสร้างสถานี ตร. พบผู้รับเหมาทิ้งงาน เหตุไร้งบ ทั้งที่ สตช.อนุมัติแล้ว เผย 5 ก.พ.บุกยื่น ปปง.สืบหางบที่หาย พร้อมชง สตง.สอบซ้ำ เย้ย “มาร์ค-เทพ” รวบอำนาจไม่ยอมกระจายจนเป็นปัญหา บี้เคลียร์ให้ชัด-ขอบคุณชาว กทม.หนุน “พงศพัศ” หลังโพลยังนำ ไม่ประมาทลุยหาเสียง กล่อมคนที่ยังไม่ฟันธง

วันนี้ (3 ม.ค.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังพรรคเพื่อไทยดำเนินการตรวจสอบการสร้างโรงพักทดแทนในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 พบว่า สถานีตำรวจจำนวน 396 สถานี และแฟลตตำรวจจำนวน 163 แฟลตยังดำเนินการก่อสร้างไม่เสร็จสิ้น และได้ทิ้งการก่อสร้างดังกล่าวไปแล้ว เนื่องจากผู้รับเหมาในพื้นที่อ้างว่ายังไม่ได้รับงบประมาณมาสนับสนุนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งๆ ที่มีการเบิกจ่ายไปก่อนหน้านี้ และมีแนวโน้มว่าการก่อสร้างดังกล่าวจะสร้างความเสียหายในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งในวันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ ตนในฐานะกรรมการตรวจสอบการทุจริต พรรคเพื่อไทย จะยื่นหนังสือต่อสำนักงานป้องกันและปราปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินว่าหลังจากได้รับการอนุมัติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช.แล้ว เงินจำนวนดังกล่าวหายไปอยู่ที่ใด รวมถึงจะเตรียมยื่นหนังสือต่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง.ด้วย

ทั้งนี้ นายพร้อมพงศ์ยังเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นผู้นำรัฐบาลในขณะนั้นได้ชี้แจงเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด เพราะตนมองว่าหากเรื่องนี้มีการกระจายอำนาจอย่างถูกต้องและตรงไปตรงมาก็จะทำให้โครงการดังกล่าวดำนเนินการเสร็จสิ้นนานแล้ว แต่นายอภิสิทธิ์กลับใช้การรวบอำนาจ ซึ่งถือเป็นวิธีการที่ก่อให้เกิดการทุจริตได้ง่าย

โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า หลังสำนักวิจัยเอแบคโพลล์เปิดเผยถึงคะแนนิยมในตัว พล.ต.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรรคเพื่อไทย ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นต้องขอบคุณพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ที่ได้สะท้อนเสียงนี้ออกมา ซึ่งแม้ว่าคะแนนนิยมในตัว พล.ต.อ.พงศพัศจะเพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าอีก 60 เปอร์เซ็นต์ยังไม่กล้าตัดสินใจว่าจะเลือกผู้สมัครคนใด ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจะขอใช้เวทีปราศรัยย่อยทั้ง 7 แห่ง เพื่อแสดงให้เห็นถึงตวามตั้งใจและนโยบายที่พร้อมทำเพื่อคนกรุงเทพฯอย่างแท้จริง โดยในวันพรุ่งนี้ (4 ก.พ.) ตนจะนำแนวทางการปราศรัยในเวทีย่อยเข้าหารือกับที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย เพื่อกำชับให้ ส.ส.ทุกคนใช้เวลานอกราชการช่วยผู้สมัครของพรรคหาเสียง และต้องทำทุกอย่างด้วยความโปร่งใส