การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในนาม แนวร่วม 26 มกรา ปลดปล่อยนักโทษการเมือง ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา เพื่อยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาล รับข้อเสนอนิรโทษกรรมของกลุ่มนิติราษฎร์ โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ได้รับความสนใจแต่อย่างใด จากรัฐบาล และบรรดาแกนนำ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่ได้เปลี่ยนสถานะจากไพร่เป็นอำมาตย์ ไปเรียบร้อยแล้ว
กลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งมีอยุ่ราวพัน คน จากเดิมที่อ้างว่า จะมากันมากถึงหมื่น ขอพบนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อยื่นข้อเสนอ แต่คนที่ถูกส่งมาพบกับผู้ชุมนุม กลับเป็น ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งมาเร็วไปเร็ว หลังจากรับหนังสือและปราศรัยกับผู้ชุมนุมอยู่ครู่หนึ่งก็พยายามตัดบท ลงจากเวที แม้จะถูกแกนนำการชุมนุมบนเวที ทวงถามขอคำตอบว่า รัฐบาลจะมีคำตอบว่าจะรับข้อเสนอ แก้ไขรัฐธรรมนูญของกลุ่มนิติราษฎร์ หรือไม่ อย่างไร แต่ ร.ต.อ. เฉลิมก็ตอบได้แต่เพียงว่า ต้องส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาก่อน ก่อนที่จะแหวกวงล้อมผู้ชุมนุม กลับทำเนียบ
กลุ่มผู้ชุมนุม ยื่นคำขาดขอคำตอบ ภายในเวลาหกโมงเย็น มิฉะนั้น จะปิดถนน ตั้งเวทีหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อชุมนุมอย่างยืดเยื้อ
เวลา สี่โมงครึ่ง นางสาวยิ่งลักษณ์ เดินลงจากทำเนียบฯ ไปพบปะ ให้กำลังใจกับตำรวจที่มาตรึงกำลังรับมือการชุมนุมอยู่ในทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่ยอมออกไปพบพี่น้องคนเสื้อแดง ที่ลงคะแนนเสียงเลือกรัฐบาสลพรรคเพื่อไทย กลับขึ้นรถออกไปกินอาหารญี่ปุ่น ที่จามจุรีสแควร์
เมื่อถึงกำหนดเส้นตาย ทางทำเนียบฯส่ง พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง มาพบกับผู้ชุมนุม พล.ต.ต.ธวัชพยายามชี้แจงว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าใจในปัญหาและมีความห่วงใยกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในเรื่องนี้ ซึ่งได้เรียกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและชี้แจงให้รีบดำเนินการให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ ขั้นตอนในการดำเนินการนั้น จะแก้ไขภายใน 24 ชั่วโมงไม่ได้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่สามารถดำเนินการได้เอง หากสามารถทำได้เองก็คงจะมีการปล่อยตัวตั้งแต่การประกาศนโยบายไปแล้ว
แม้จะรู้ว่า เป็นการซื้อเวลา เป็นข้ออ้าง แบบถนอมน้ำใจกันเท่านั้น แต่แกนนำแนวร่วม 29 มกรา ก็ไม่มีทางเลือก ต้องยอมสลายการชุมนุม ลืมท่าทีขึงขึงที่เคยประกาศว่าจะปิดถนน ตั้งเวทีปราศัยหน้าทำเนียบ หากไม่ได้รัวคำตอบไปเลย
นางสุดา รังกุพันธ์ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำ กล่าวว่า จะให้เวลารัฐบาลได้ดำเนินการเรื่องนี้จนถึงสมัยประชุมนิติบัญญัติ ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนเมษายนนี้ และยืนยันว่ากลุ่ม 29 มกราฯ จะกลับมารวมตัวชุมนุมใหม่อีกในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ เพื่อต้องการที่ฟังคำตอบว่าจะมีการนำร่างกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าที่ประชุมรัฐสภาหรือไม่
การชุมนุมที่ต้องถือว่า ล้มเหลว หมดราคา ครั้งนี้ น่าจะทำให้ บรรดานักวิชาการเสื้อแดง ที่เป็นแนวร่วมกับ ทักษิณ ชินวัตร ลืมตา ตื่นจากฝัน เลิกหลอกตัวเอง และยอมรับความจริงได้แล้วว่า เป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่งของทักษิณ ในเกมการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจเท่านั้น
กลุ่มแนวร่วม 26 มกรา ยังถูกปฏิเสธจากแกนนำนปช. ว่า เป็นคนละพวก คนละกลุ่ม เป็นกฐินคนละกอง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นกิจกรรมของกลุ่ม 29 มกราฯ ไม่ได้เป็นกิจกรรมของ นปช. เพียงแต่ประชาชนที่มาชุมนุมเป็นพี่น้องคนเสื้อแดงที่มีอุดมการณ์เรื่องประชาธิปไตย
นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวไม่ได้ทำในนาม นปช. แต่เป็นการนำของนางสุดา รังกุพันธ์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่นำข้อเสนอการนิรโทษกรรมของกลุ่มนักวิชาการนิติราษฎร์มาเสนอรัฐบาล ไม่ได้นำข้อเสนอ พ.ร.ก.นิรโทษกรรมของ นปช.มายื่นให้รัฐบาล งานนี้เปรียบเสมือนงานกฐินคนละกอง
นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร กล่าว ว่า ไม่สามารถนำมวลชนไปร่วมชุมนุมได้ เพราะผู้ใหญ่ขอร้อง และมองว่าเราอยู่ฝ่ายเดียวกับรัฐบาล จึงไม่อยากไปกดดัน ชมรมคนรักอุดรยังเหมือนเดิมคือพา พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศ และสนับสนุนรัฐบาล ดังนั้น คนเสื้อแดงกลุ่มอื่นต้องเข้าใจว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปกดดันรัฐบาล ต้องตระหนักว่าที่คนเสื้อแดงเติบโตมาทุกวันนี้ เพราะคนรักทักษิณ เพราะมี ส.ส. อย่าไปเพ้อฝันว่าจะตั้งพรรคเสื้อแดง นั่นมันคือการหลงตัวเอง
ถึงนาทีนี้แล้ว กลุ่มนักวิชาการเสื้อแดง ที่เป็นแนวร่วมสนับสนุนทักษิณ ชินวัตร ในสงครามแย่งชิงอำนาจ ไร่โค่นอำมาตย์ น่าจะตาสว่าง สรุปบทเรียนได้แล้วว่า พวกตนนั้น หมดประโยชน์สำหรับทักษิณแล้ว การต่อสู้เพื่อช่วงชิงอำนาจนั้น ทักษิณ ต้องระดมสรรพกำลัง ทั้งมวลชน สื่อ ความรุนแรง และกลุ่มนักวิชาการสายล้มเจ้า ที่ชูประเด็นมาตรา 112 บังหน้า
กลุ่มนักวิชาการเสื้อแดงเห็นประโยชน์จากสถานการณ์ กระแสเสื้อแดง จึงฉวยโอกาสร่วมขบวนไปด้วย โดยมีธงนำของตัวเองคือล้มเจ้า กรณีของกลุ่มนิติราษฎร์ นั้น เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า คนเหล่านี้มีเจตนาอย่างไร กรณีของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ก็เป็นอีกตัวอย่างที่แสดงถึงความมุ่งมั่นและมั่นใจของคนกลุ่มนี้
วันนี้ ทักษิณ ได้ชัยชนะแล้ว แม้จะยังไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่เป้าหมายคือ รักษาอำนาจให้นานที่สุด เพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากงบประมาณให้มากที่สุด ความเคลื่อนไหวใดๆ ที่จะกระทบกระเทือนต่อ สถานภาพของรัฐบาล จึงเป็นสิ่งต้องห้าม
นักวิชาการเสื้อแดง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นแนวร่วม บัดนี้ได้กลายเป็นความเสี่ยง ที่ต้องถูกกำจัดทิ้ง แนวทางล้มเจ้า ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นหนึ่งในยุทธวิธี แยกกันเดิน ร่วมกันตี บัดนี้ เป็นอันตรายอย่างยิ่งหากจะสนับสนุนแนวทางนี้ต่อไป เพราะได้พิสูจน์แล้วว่า คนไทยรู้ทัน กรณีของกลุ่มนิติราษฏร์ ที่แทบจะไม่มีใครให้ความสำคัญอีกแล้ว กับกรณีของนายสมยศ ที่ต้องรับโทษติดคุก 10 ปี ที่เหล่านักวิชาการเสื้อแดงพยายามบิดเบือนว่า เป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ก็ไม่มีกระแสตอบรับจากคนในฟากของทักษิณแต่อย่างใด
การชุมนุมของแนวร่วม 26 มกรา หากเป็นการชุมนุมของเสื้อแดงแท้ จะยิ่งใหญ่ สร้างผลสะเทือน และได้รับการหนุนช่วยจากรัฐบาล รวมทั้งแกนนำ นปช. อย่างแน่นอน
เสื้อแดงแท้ ก็คือเสื้อแดงที่เชื่อฟังแกนนำ สั่งได้ คิดไม่เป็น ทำได้ทุกอย่างเพื่อทักษิณ
แดงเทียม ก็คือ พวก นักวิชาการไร้เดียงสา สายล้มเจ้า ไม่ว่า จะในนามกลุ่มนิติราษฎร์ กลุ่มปฏิญญาหน้าศาล แนวร่วม 26 มกรา ฯลฯ ที่ฉวยโอกาสหยิบเสื้อแดงมาใส่ เพราะเชื่อว่า ทักษิณ จะทำให้ความเพ้อฝันของตนเป็นจริงได้
เลิกหลอกตัวเอง ถอดเสื้อแดงทิ้งกันได้แล้ว
