xs
xsm
sm
md
lg

จับตา “ปู – แม้ว” งัดข้อ ผ่านเกม ปรับ ครม.ย่อย

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง

 กิตติรัตน์ ณ ระนอง
“จริงๆ แล้วยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน มีการร้องขอจากทางพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเดียว เราคงมองเฉพาะประเด็นนั้นมากกว่า” ตามคิวที่ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ออกมาปฏิเสธกรณีที่มีกระแสข่าวว่าเตรียมจะโละบรรดารัฐมนตรีในฟากของพรรคเพื่อไทยบางส่วนออกไปในคราเดียวกับการปรับเพื่อหาคนมาทดแทนโควต้าของ “พรรคชาติไทยพัฒนา” ที่ว่างลงเนื่องจากการถึงอสัญกรรม “ชุมพล ศิลปอาชา” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
 
ที่ ณ เวลานี้ “หลงจู๊ใหญ่ - บรรหาร ศิลปอาชา” คนโตตัวเล็กแห่งค่ายสุพรรณบุรี ที่เฟ้นหาตัวแทนมารับไม้ต่อในการคุมกระทรวงการท่องเที่ยวฯได้แล้ว เพียงแต่ช่วงแรกอาจจะชั่งใจอยู่ระหว่าง “สุวัตร สิทธิหล่อ” ปลัดกระทรวงท่องเที่ยวฯคนปัจจุบัน กับ “สมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์” อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ถึงโค้งนี้เป็นชื่อ “ปลัดฯสุวัตร” ที่มาแรงแซงหน้าอาจเข้าวินแบบสบายๆ เพราะรู้การรู้งาน และที่สำคัญรู้ใจว่าใครต้องการอะไร

การปรับ ครม.ยิ่งลักษณ์ 4 ก็น่าจะจบอยู่เพียงแค่นี้ เต็มเติมเก้าอี้ของพรรคร่วมฯเท่านั้น ประสานกับน้ำเสียงของ “นายกฯปู” ที่ยืนกรานแบบส่งสัญญาณชัดเจนว่า จะปรับเฉพาะ 1 เก้าอี้ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนาเท่านั้น แต่ดูเหมือนจะสวนทางกับ “คลื่นใต้น้ำ” ที่เขย่าจนเกิดแรงกระเพื่อมระดับกลายริกเตอร์ที่เกิดขึ้นภายในพรรคเพื่อไทยเวลานี้
 
ในความเป็นจริง “เสือหิว - เสือโหย” ในพรรคเพื่อไทยที่อกหักตกขบวน ครม.ปู 3 เมื่อช่วงปลายปีก่อน เริ่มขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวมาตั้งแต่ทราบข่าวว่า “ชุมพล” เกิดป่วยกะทันหัน โดยลึกๆวงในของบรรดาจอมยุทธ์การเมืองประเมินแล้วว่า โอกาสที่ได้ “น้องบรรหาร” จะกลับมาทำงานตามปกติค่อยข้างน้อย แม้อาการจะพ้นขีดอันตรายแล้วก็ตาม เนื่องจากมีอาการป่วยอยู่เป็นทุนเดิม

แต่ทั้ง “ยิ่งลักษณ์ - บรรหาร” ก็เลือกที่จะนิ่งประคองสถานการณ์ดูอาการของ “ชุมพล” ไปพลางในระหว่างช่วงคาบเกี่ยวส่งท้ายปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่ รวมทั้งรอประเมินผลชี้ขาดของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ในกรณี “วราเทพ รัตนากร” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่นัดวินิจฉัยคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีในวันที่ 1 ก.พ.นี้ด้วย
 
เรียกว่าหัวไม่ส่าย แต่หางขยับ เพราะพวก “เสือหวัง” ในพรรคเพื่อไทย แม้จะมีมารยาททางการเมืองกันอยู่บ้าง เก็บอาการไม่กระโตกกระตาก แต่ก็อดไม่ได้เมื่อบางคนถึงขั้นคันคะเยอต้องออกหมัดแย็บปล่อยข่าวแซะเก้าอี้บางคนในพรรคที่เริ่มชักมีปัญหา

หวังบ่มเชื้อให้งอมทันที หาก “นายกฯปู” ประกาศโครมจะปรับ ครม.
 

ตัวหลักๆที่โดนเขย่าแรงๆแซงหน้าเพื่อนก็หนีไม่พ้นเจ้าเก่าเจ้าเดิม “ลูกไก่ไวท์ไลน์ - กิตติรัตน์ ณ ระนอง” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่มีชื่อออกมาพัวพันทุกรอบว่าจะถูกเขี่ยทิ้งลงคู เนื่องจากผลงานในฐานะ “กัปตันทีมเศรษฐกิจ” ไม่ได้เรื่องได้ราว ชนิดความเลวไม่มี ความดีไม่ปรากฎ แต่ทั้งสองอย่างยังไม่เท่าไร
 
เพราะที่สาหัสสาใจคือ เรื่องปล่อยไก่เรียกแขก ต้องบอกว่าขุนคลังรายนี้ว่า “ขาประจำ”

ขณะเดียวกันบรรดาขาเล็กขาใหญ่บางคนในพรรคก็ไม่ค่อยจะปลาบปลื้ม “เสนาบดีลูกไก่” เสียเท่าไร มิหนำซ้ำยังว่ากันว่า “นายใหญ่ดูไบ” เองก็ไม่สบอารมณ์กับฝีไม้ลายมือ แถมจะดีดพ้นจากเก้าอี้ตั้งแต่เมื่อครั้งปรับ “ครม.ยิ่งลักษณ์” เที่ยวล่าสุดที่ผ่านมา แต่ที่ยังหนังเหนียวหนึบหนับอยู่ได้มาตลอดรอดฝั่งถึงทุกวันนี้ เพราะ “เดอะโต้ง” มีดีพอจะให้อยู่ต่อเพียงเหตุผลเดียวคือ เป็นหนึ่งใน “แก๊งค์ออฟโฟร์” แห่งตึกไทยคู่ฟ้า

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นดูเหมือนว่ารอบนี้งานจะหนักพอตัว เพราะพวกลูกหาบในพรรคเล่นยาแรงเทกแอ็กชั่นปล่อยข่าวเลื่อยขาเก้าอี้กันแต่หัววัน พร้อมยกเหตุผลสารพันปัญหามาประกอบ ไล่เรียงตั้งแต่การไม่สามารถผลักดันโครงการร่วมทุนไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ในการพัฒนาเมกะโปรเจ็กต์ท่าเรือน้ำลึกทวายได้ตามเป้า โดยเฉพาะความไร้น้ำยาในการดึงกลุ่มทุนจากประเทศจีนและญี่ปุ่นมาร่วมทุนได้ จนบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ใกล้ชิดรัฐบาลได้รับความเสียหายกันไปมโหฬารจากความล่าช้า

ตลอดจนเรื่องภาพลักษณ์กรณีรีเทิร์นกลับไปเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลในการสู้ศึกซีเกมส์ที่จะเกิดขึ้น ที่ทำให้มนต์ขลังของ “ขุนคลัง” และ “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” ดูเสื่อมราศีและบารมีลง จนซุบซิบกันว่า อยากจะให้ไปเอาดีด้านกีฬาฟุตบอลกันให้เป็นเรื่องเป็นราวมากกว่า
 
ยิ่งเมื่อรวมกับปมที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นพี่ชายมีต้นทุนเรื่องความไม่แฮปปี้ในฝีไม้ลายมือบวกเพิ่มกับของเก่าอย่างกรณีไวท์ไลน์ด้วยแล้ว งานนี้ “ไก่โต้ง”จะกลับไปเป็น “ลูกเจี๊ยบ” ในท้ายที่สุดหรือไม่คงได้ลุ้นยาวๆ

และหาก “ยิ่งลักษณ์” จะโอบไหล่กอดแน่นให้อยู่ต่อเหมือนทุกๆรอบที่ผ่านมา รับรองเที่ยวนี้ได้เหนื่อยเลือดตาแทบกระเด็นเป็นแน่
 
นอกจากในรายของหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่มีสิทธิ์ถูกอิทธิฤทธิ์คนดูไบเขี่ยทิ้งแล้ว บรรดาเสนาบดีคนอื่นก็ต้องอาจเตรียมตัวเตรียมใจกระเด็นออกจากเก้าอี้ด้วยเช่นกัน เพียงแต่จะเป็นการปรับย่อยไม่กี่คนเพื่อเป็นการโละของเสียออก ตามธรรมเนียมเดิมที่หากจะปรับ ครม.ใหญ่ต้องยึดหลัก 6 เดือนอย่างน้อยตาม “ทักษิณสไตล์”

ฉะนั้นเสนาบดีที่อาจโดนแจ็กพ็อตเป็นเหยื่อปรับย่อยรอบนี้ จึงเน้นไปที่ผู้มีความเสี่ยงเรื่องคดีและผลงานไม่เอาอ่าว ตามโพยที่สะพัดออก ก็มีอาทิ “พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยที่โชว์ผลงานชี้แจงในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมาแบบได้คะแนนติดลบ ในคดีทุจริตขุดลอกคูคลองเมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

แถมยังถูกนำคอขึ้นเขียงรอชะตากรรมชี้ขาดอยู่ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มิหนำซ้ำล่าสุดยังมีข่าวฉาวเกี่ยวกับภาพภรรยาสุดที่รักช่วยฝรั่งออกจากห้องกักตัวที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งโยงพยานในคดีชิงหุ้น 101 ล้าน ในการต่อสู้คดีเพิกถอนโอนหุ้นบริษัท แอสเซ็ท มิลเลี่ยน จำกัด มูลค่า 101 ล้านบาท ที่ “วิมลรัตน์ กุลดิลก” ยื่นฟ้อง “สุริยา ลาภวิสุทธิสิน” และ “พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” กับพวกรวม 10 คน

เรียกว่า ปัจจัยถูกปรับออกมีสูงกว่าเปอร์เซ็นต์การอยู่ต่อมากทีเดียว
 
 
ส่วนอีกรายเป็นการปรับสลับในโควตาของ “ยุทธตู้เย็น - ยงยุทธ ติยะไพรัช” อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ที่จะโยก “ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ทำงานมาร่วมปีกว่าในเก้าอี้ตัวนี้ออกแล้วขุด “วิสาร เตชะธีราวัฒน์” อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยมาแทนที่ หลังจากรอบก่อนที่ “ปรีชา” วิ่งขาขวิดในวินาทีสุดท้าย จนเอาชื่อกลับมาใส่ในโผ ครม.ยิ่งลักษณ์ 3 ได้แบบหวุดหวิด แบบที่ “วิสาร” ต้องเก็บชุดเข้าตู้แบบเซ็งๆ

อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากลิสต์รายชื่อบุคคลที่จะถูกเขี่ยออกแล้วนำเข้ามาเสียบข้างต้น อีกคนที่น่าสนใจและมีสิทธิ์จะอดขึ้นวอเป็นคำรบที่สองก็คือ “ตุ๊ดตู่ - จตุพร พรหมพันธุ์” แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ตกเก้าอี้ ส.ส.ขาลอยอยู่ในตอนนี้ แน่นอนว่าทางบรรดาคนเสื้อแดงต้องพยายามผลักดันให้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเสนาบดีสวมยศ “อำมาตย์ตู่” ให้ทัดเทียมกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ “อำมาตย์เต้น - ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ให้จงได้ โดยเฉพาะปฏิบัติการทวงสัญญา “นายใหญ่” ซึ่งต้องเกิดขึ้นแน่ๆ ในช่วงที่ยังเคาะรายชื่อ “ครม.ย่อย” ไม่เสร็จ

แต่ตามเนื้อผ้าโอกาสที่สัญญานายใหญ่จะเป็นหมันก็มีสูง เพราะทั้งสัญญาณตึกไทยคู่ฟ้าและพลังลี้ลับต่างก็บล็อกสกัดแรงทั้งคู่ ตามสภาพเลยนั่งน้ำตาคลอรอเก้อกันต่อยาวๆ

ขมวดภาพจับสัญญาณคิวปรับครม.ย่อยหนนี้ จุดสนใจจึงน่าจะไคลแมกซ์ไปที่รายของ “กิตติรัตน์” มากกว่าคนอื่นๆ เพราะถือเป็นศึกระหว่างพี่น้องตระกูลชินขนานแท้ ถึงแม้ที่ผ่านมาดูเหมือน “ทักษิณ” จะยินยอมไม่ขัดใจน้องสาว และดูเหมือน “ยิ่งลักษณ์” จะปีกกล้าขาแข็งอุ้มชูคนของตัวเองได้มาตลอดด้วยพลังอำนาจของตัวเองที่มากขึ้นทุกวัน

แต่เรื่องของทีมเศรษฐกิจเป็นงานที่ต้องใช้ฝีมือ อีกทั้งที่ผ่านมาผลงานด้านนี้ของรัฐบาลก็ดิ่งลงเหว ดังนั้นหากไม่กล้าเปลี่ยนม้ากลางศึกโอกาสล่มในวันข้างหน้าจึงมีสูง
 
งวดนี้ต้องรอดูพี่น้องงัดข้อกันเล่นๆซักยก
สุวัตร สิทธิหล่อ
พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก
ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข
วิสาร เตชะธีราวัฒน์
จตุพร พรหมพันธุ์
กำลังโหลดความคิดเห็น