“นายกฯยิ่งลักษณ์” ควง “ชัชชาติ” จ้อทีวี แจงยุทธศาสตร์ประเทศปี 57 มุ่งเน้นทุกหน่วยทำงานสอดคล้องเป็นเนื้อเดียว กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ขยายเศรษฐกิจ เน้นพัฒนาระบบลอจิสติกส์ หวังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันนี้ (26 ม.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จัดรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน ร่วมกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ประเทศ ปี 2557 เพื่อเดินหน้าปรับโครงสร้างพื้นฐานขยายเศรษฐกิจ โดยมีนายธีรัตน์ รัตนเสวี เป็นผู้ดำเนินรายการ
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวถึงความจำเป็นของการกำหนดยุทธศาสตร์ประเทศปี 2557 เพื่อให้ทุกหน่วยงานทุกกระทรวง ได้มีเป้าหมายในการพัฒนา รวมถึงการจัดทำงบประมาณให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาของประเทศ ซึ่งจะมี 4 ยุทธศาสตร์ใหญ่ คือ รัฐบาลจะจัดทำงบประมาณให้มีประสิทธิภาพในการพัฒนาประเทศ โดยทุกฝ่ายทุกหน่วยงานต้องพัฒนาไปพร้อมกัน เน้นการสร้างความสมดุล และการปรับระบบราชการ
โดยยุทธศาสตร์ที่สำคัญคือ การปรับขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อให้ไทยมีจุดเด่นในการลงทุนมากขึ้น ซึ่งจะเริ่มจากการพัฒนาระบบลอจิสติกส์ อันจะช่วยลดต้นทุนการขนส่ง ประมาณร้อยละ 2 ของ GDP จากปัจจุบันอยู่ที่ 15.2% ซึ่งถือว่าสูงมาก และช่วงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะก่อให้เกิดการจ้างงานที่สูงขึ้นถึง 5 แสนคนต่อปี และเป็นการกระจายเจริญไปสู่พื้นที่รอบนอก ขณะเดียวกันการพัฒนาต่างๆ ก็จะต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จำเป็นต้องลดช่องว่างใน 3 ทาง คือ เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและลดเวลาในการเดินทาง อีกทั้งการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านยังทำให้การท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นด้วย
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า การกู้เงินในการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ วงเงินกว่า 2.2 ล้านล้านบาทนั้น จะยึดหลักทางวินัยทางการคลังอย่าเคร่งครัด และเชื่อว่าจะไม่ทำให้ระดับหนี้สาธารณะของประเทศขึ้นสูงเกินกว่าร้อยละ 50 เนื่องจากการกู้เงินดังกล่าวนั้นจะเป็นการทยอยกู้เงินในระยะเวลาที่กำหนด ไม่ได้กู้ในครั้งเดียว ด้วยการจัดหาเงินทุนนั้นจะระดมทุนทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการดำเนินการดังกล่าวด้วย และเชื่อว่าหนี้สาธารณะคงไม่ปรับเพิ่มสูงขึ้นเหมือนที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจะเพิ่มไปอยู่ที่ระดับร้อยละ 60 หรือ 70 ของจีดีพี
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลยังคงเร่งพัฒนายุทธศาสตร์ของประเทศในการมุ่งเน้นพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งเชื่อว่าการพัฒนาประเทศนั้นในการปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐาน ถือเป็นโอกาสที่ดีในการลดต้นทุนการขนส่งของภาคเอกชน ที่มีอยู่กว่าร้อยละ 15 ให้ลดลงได้ และเชื่อว่าจะเป็นเรื่องดีในการดำเนินการ หากลดภาระค่าขนส่งได้ร้อยละ 3-4 นอกจากนี้ยังจะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำโดยให้เกิดการจ้างงานให้มากขึ้น
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ในขณะนี้ ประเทศไทยมีอันดับความสามารถในการแข่งขันอยู่ที่ 49 ของโลก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาเพื่อที่จะรองรับการเข้าการเป็นประชาคมอาเซียน ขณะเดียวกัน ในเรื่องการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ก็ยังจะเป็นแนวทางในเรื่องการสร้างการลงทุน การสร้างงาน และเกิดเมืองใหม่ขึ้นในสถานที่ที่มีระบบขนส่งมวลชนที่ดี
ส่วนประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมนั้น นายชัชชาติได้ย้ำว่า ทุกกระบวนการพัฒนาจะต้องมีมาตรฐานสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน โดยเน้นการขนส่งมวลชนทางรถไฟแทนการใช้รถยนต์ ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยประหยัดพลังงานแล้วยังจะเป็นการลดการก่อมลพิษที่เกิดขึ้นด้วย
