วานนี้(21 ม.ค.56) นายทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 1 ประจำปี 2556 เรื่องยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประปีงบประมาณ พ.ศ.2557 และการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยกำหนดกรอบ 8 ยุทธศาสตร์ และรายการค่าดำเนินการภาครัฐ ดังนี้ 1.ยุทธศาสตร์เร่งรัดการพัฒนาประเทศ และเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน 2.ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งรัฐ 3.ยุทธศาสตร์การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน 4.ยุทธศาสตร์การศึกษา คุณธรรม จริยธรรม คุณภาพชีวิต และความเท่าเทียมกันในสังคม 5.ยุทธศาสตร์การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 6.ยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัย และนวัตกรรม 7.ยุทธศาสตร์การต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ 8.ยุทธศาสตร์การบริหารบ้านเมืองที่ดี และ 9.รายการค่าดำเนินการภาครัฐ
ในส่วนของแผนความต้องการงบลงทุนเบื้องต้นหน่วยราชการต่างๆได้ส่งคำขอเข้ามาเป็นเงินทั้งสิ้น 1,053,248.9 ล้านบาท ซึ่งสำนักงบประมาณได้พิจารณาว่าสอดคล้องกับนโยบายหลักและยุทธศาสตร์ของรัฐบาล เห็นสมควรเป็นงบประมาณ 564,251 ล้านบาท โดยจำแนกเป็นค่าครุภัณฑ์ 148,810 ล้านบาท และค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง 415,440.9 ล้านบาท ทั้งนี้ได้กำหนดปฏิทันการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 ดังนี้ โดยในวันนี้ (21 ม.ค.56) ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ จากนั้นวันที่ 22 ม.ค.56 นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณให้แก่ส่วนราชการต่างๆ
ทั้งนี้วันที่ 22-24 ม.ค.56 รองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบหรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัด มอบนโยบายให้กระทรวง ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น จัดทำเป้าหมายยุทธศาสตร์กระทรวงให้สอดคล่องกับยุทธศาสตร์หลัก และได้กำหนดช่วงวันที่ 22 ม.ค.-22 ก.พ.56 ให้ส่วนราชการจัดทำรายละเอียดงบประมาณปี 2557 เสนอให้รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัดพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนส่งให้สำนักงบประมาณต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการปรับปรุงปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 นั้น ได้เลื่อนกำหนดเริ่มต้นการจัดทำจากเดิมราว 2 สัปดาห์ โดยกำหนดการเดิมอยู่ในช่วงวันที่ 8 ม.ค. - 22 ก.พ.56 ขณะที่กำหนดการใหม่เป็นระหว่างวันที่ 21 ม.ค. - 22 ก.พ.56
**ยังไม่ชงกู้2ล้านล้านเมกะโปรเจค
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคม ไปพิจารณารายละเอียดของการจัดทำโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ตามกรอบของร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์จังหวัด โดยในวันนี้ที่ 22 ม.ค.นี้ นายกรัฐมนตรีจะประชุมหัวหน้าส่วนราชการ และผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งหมด เพื่อทำความเข้าใจร่วมกันถึงการจัดทำโครงการต่างๆ คาดว่าหลังจากได้ประชุมร่วมกันเสร็จแล้ว จะจัดทำเป็นร่างพ.ร.บ. เสนอต่อครม.พิจารณาได้ใน 1-2 สัปดาห์นี้
"การประชุมครม.ครั้งนี้ ยังไม่ได้นำเรื่องแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท เข้ามารายงานให้ที่ประชุมรับทราบ เพราะข้อมูลยังไม่สมบูรณ์ แต่ในยุทธศาสตร์คร่าวๆก็ชัดเจนแล้วว่าจะทำอะไรบ้าง ซึ่งกระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลังต้องคุยกันอีก รวมทั้งต้องไปบูรณาการกับจังหวัดและกลุ่มจังหวัดให้มีความสอดคล้องกัน และในวันที่ 22 ม.ค. จะประชุมร่วมกับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และจังหวัดเพื่อดูแผนร่วมกันก่อน รวมไปถึงเรื่องการจัดทำงบประมาณปี 57 ที่ต้องมาคุยกันด้วย"นายชัชชาติกล่าว
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่จะนำเสนอเกี่ยวกับกรอบยุทธศาสตร์การลงทุนด้านโลจิสติกส์ของประเทศวงเงิน 2 ล้านล้านบาท ของกระทรวงคมนาคม ซึ่งจะระบุถึงความจำเป็นในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง เพื่อการพัฒนาประเทศและเศรษฐกิจ ส่วน พ.ร.บ.ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 2 ล้านล้านบาท
**ยิ่งลักษณ์เรียกผู้ว่าฯกล่อม2ล้านล้าน
มีรายงานว่า กระทรวงการคลังจะนำเสนอ ครม.พร้อมรายละเอียดของโครงการในการประชุมวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ทั้งนี้ โครงการลงทุนดังกล่าวจะมีทั้งโครงการหลักและโครงการสำรองรวมประมาณ 50-60 โครงการ
ส่วนแผนการลงทุนภายใต้ร่างกฎหมายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 2 ล้านล้านบาท เบื้องต้นประกอบด้วย โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 4 ภูมิภาค คือ สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่, กรุงเทพฯ-นครราชสีมา, กรุงเทพฯ-ระยอง และกรุงเทพฯ-หัวหิน ใช้เงินลงทุนประมาณ 5 แสนล้านบาท ส่วนโครงการอื่นๆ เช่น การขยายรถไฟรางคู่ทุกเส้นทางทั่วประเทศ โครงการทางหลวงมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครราชสีมา รวมถึงโครงการรถไฟฟ้า 10 สายในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล
อีกด้านนพ.ทศพร แถลงว่า วันที่ 22 ม.ค. ปลัดกระทรวงต่าง ๆ และบรรดาหัวหน้าส่วนราชการจะมีการประชุมเพื่อสรุปงานในปีที่ผ่านมา และแผนงานที่จะดำเนินการต่อไป โดยสำนักงบประมาณจะเข้าชี้แจงการจัดทำงบประมาณในปี 2557 แก่หัวหน้าส่วนราชการต่างๆได้รับทราบ นอกจากนี้ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน จะมีการประชุมระดับผู้ว่าราชการจังหวัด เป็น 18 กลุ่มจังหวัดเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด และยุทธศาสตร์จังหวัด รวมถึงเรื่องของงบประมาณในปีงบประมาณ 2557
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า กระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เห็นว่าผลที่เกิดขึ้นจากการลงทุนจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวปีละเท่าไหร่ และก่อให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก โดยจากผลการศึกษาเงินลงทุนทุก 1 แสนล้านบาท จะก่อให้เกิดการจ้างงานทั้งแรงงานมีฝีมือและไร้ฝีมือรวม 8 หมื่นคน
ทั้งนี้เป็นเปิดแผนพัฒนาประเทศครั้งใหญ่ ซึ่งถือเป็นนโยบายรอบใหม่ของรัฐบาลให้หน่วยงานราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศยึดถือปฏิบัติ ภายใต้ยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ 5 ปี (2556-2561) ภายใต้กรอบงบประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท โดยจะแจกแจงเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ รวมถึงแผนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 โดยเวลา 08.30 น.นายกฯ จะเดินทางไปที่ห้องเวิลด์บอลรูม ชั้น 23 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ และในวันที่ 28 ม.ค. นายกฯ จะเป็นประธานประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงที่กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งจะเน้นย้ำเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง.
** ไฟเขียว 617 ล้านบาทให้กลุ่มลับแล
นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมเห็นชอบแผนงานและโครงการที่ภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในภูมิภาค หรือ กรอ.เสนอ โดยเห็นว่ามี 33 โครงการ ที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที วงเงินกว่า 617 ล้านบาท โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งจัดทำรายละเอียดขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 ภายในสองสัปดาห์ เพื่อให้สำนักงบประมาณพิจารณาวงเงินที่เหมาะสม โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็นต่อไป โดยแบ่งงบประมาณสำหรับกลุ่มจังหวัดที่สามารถดำเนินการได้ทันทีกว่า 99 ล้านบาท จังหวัดพิษณุโลก 100 ล้านบาท จังหวัดตาก 106 ล้านบาท จังหวัดเพชรบูรณ์ 99 ล้านบาท จังหวัดสุโขทัย 110 ล้านบาท และจังหวัดอุตรดิตถ์ 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ เห็นชอบในหลักการของกรอบข้อเสนอแผนงาน โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 5 จังหวัด 78 โครงการ วงเงินกว่า 51,385 ล้านบาท โดยมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบศึกษาความเหมาะสมและจัดทำรายละเอียดแผนงาน ขั้นตอนระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สำนักงบประมาณใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณประจำปี ตามลำดับความสำคัญของแผนงานและโครงการ
**จ่อ "แม่สอด"ถกเวทีเขตศก.พิเศษ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ว่า มติครม.ใน ในเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยเฉพาะที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เป็นเรื่องที่ค้างคามานาน จึงได้นำมาหารือกับภาคเอกชนและจังหวัด ครม.จึงมีมติที่จะให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีในส่วนของการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นมา และกรณีของอ.แม่สอด จะเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งแรกๆที่จะถูกนำเสนอผ่านคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งลำดับต่อไปต้องรอ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำร่างดังกล่าวแล้วประกาศอย่างเป็นทางการก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษซึ่งจะนำมาพิจารณาทั้งหมด
ขณะที่นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกรัฐบาล ระบุว่า พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษไม่จำเป็นต้องเป็นพื้นที่พรมแดนแต่อาจเป็นพื้นที่อื่นๆ ได้ โดยล่าสุดมีพื้นที่เศรษฐกิจที่ขอยกระดับเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษอีกกว่า 10 แห่ง
**ไฟเขียว รฟม. กู้เงินโครงการรถไฟฟ้า
นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมได้อนุมัติให้ รฟม.กู้เงินในปีงบประมาณ 2556 เพื่อเป็นค่าก่อสร้างงานโยธา ค่าจ้างที่ปรึกษษบริหารงานโครงการ ค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ เป็นเงิน 11,472.36 ล้านบาท และสำหรับโครงกสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ จำนวน 4,745.40 ล้านบาท โดยให้ รผม.กู้เงินต่อจากกระทรวงการคลัง โดยให้สำนักงานประมาณพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีของ รฟม.เพื่อชำระหนี้คืนแก่แหล่งเงินกู้โดยตรงอีกด้วย
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้ รฟม.ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ (รีไฟแนนซ์) จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) ในส่วนของ 2 สัญญาที่ใช้ในการดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคลอีกด้วย
**ปชป. อัดครม.สัญจรแค่โครงการขายฝัน
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า อยากให้รัฐบาลผลักดันโครงการในการพัฒนาพื้นที่ภาคเหนือ และจัดงบประมาณลงไปอย่างจริงจัง ไม่อยากให้ชาวอุตรดิตถ์และคนภาคเหนือต้องดีใจเก้อกับโครงการขายฝันของรัฐบาล เพราะที่ผ่านมารัฐบาลตระเวนจัดครม.สัญจรไปในพื้นที่ต่างๆ และมีการบอกว่า จะนำโครงการไปพัฒนาพื้นที่ต่างๆ แต่ไม่มีการผลักดันอย่างจริงจัง จากการตรวจสอบพบว่า ตัวเลขงบประมาณที่จัดลงไปนั้นน้อยกว่า ตัวเลขงบประมาณที่ต้องใช้จริงเป็นจำนวนมาก.
ในส่วนของแผนความต้องการงบลงทุนเบื้องต้นหน่วยราชการต่างๆได้ส่งคำขอเข้ามาเป็นเงินทั้งสิ้น 1,053,248.9 ล้านบาท ซึ่งสำนักงบประมาณได้พิจารณาว่าสอดคล้องกับนโยบายหลักและยุทธศาสตร์ของรัฐบาล เห็นสมควรเป็นงบประมาณ 564,251 ล้านบาท โดยจำแนกเป็นค่าครุภัณฑ์ 148,810 ล้านบาท และค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง 415,440.9 ล้านบาท ทั้งนี้ได้กำหนดปฏิทันการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 ดังนี้ โดยในวันนี้ (21 ม.ค.56) ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ จากนั้นวันที่ 22 ม.ค.56 นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณให้แก่ส่วนราชการต่างๆ
ทั้งนี้วันที่ 22-24 ม.ค.56 รองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบหรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัด มอบนโยบายให้กระทรวง ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น จัดทำเป้าหมายยุทธศาสตร์กระทรวงให้สอดคล่องกับยุทธศาสตร์หลัก และได้กำหนดช่วงวันที่ 22 ม.ค.-22 ก.พ.56 ให้ส่วนราชการจัดทำรายละเอียดงบประมาณปี 2557 เสนอให้รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัดพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนส่งให้สำนักงบประมาณต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการปรับปรุงปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 นั้น ได้เลื่อนกำหนดเริ่มต้นการจัดทำจากเดิมราว 2 สัปดาห์ โดยกำหนดการเดิมอยู่ในช่วงวันที่ 8 ม.ค. - 22 ก.พ.56 ขณะที่กำหนดการใหม่เป็นระหว่างวันที่ 21 ม.ค. - 22 ก.พ.56
**ยังไม่ชงกู้2ล้านล้านเมกะโปรเจค
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคม ไปพิจารณารายละเอียดของการจัดทำโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ตามกรอบของร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์จังหวัด โดยในวันนี้ที่ 22 ม.ค.นี้ นายกรัฐมนตรีจะประชุมหัวหน้าส่วนราชการ และผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งหมด เพื่อทำความเข้าใจร่วมกันถึงการจัดทำโครงการต่างๆ คาดว่าหลังจากได้ประชุมร่วมกันเสร็จแล้ว จะจัดทำเป็นร่างพ.ร.บ. เสนอต่อครม.พิจารณาได้ใน 1-2 สัปดาห์นี้
"การประชุมครม.ครั้งนี้ ยังไม่ได้นำเรื่องแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท เข้ามารายงานให้ที่ประชุมรับทราบ เพราะข้อมูลยังไม่สมบูรณ์ แต่ในยุทธศาสตร์คร่าวๆก็ชัดเจนแล้วว่าจะทำอะไรบ้าง ซึ่งกระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลังต้องคุยกันอีก รวมทั้งต้องไปบูรณาการกับจังหวัดและกลุ่มจังหวัดให้มีความสอดคล้องกัน และในวันที่ 22 ม.ค. จะประชุมร่วมกับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และจังหวัดเพื่อดูแผนร่วมกันก่อน รวมไปถึงเรื่องการจัดทำงบประมาณปี 57 ที่ต้องมาคุยกันด้วย"นายชัชชาติกล่าว
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่จะนำเสนอเกี่ยวกับกรอบยุทธศาสตร์การลงทุนด้านโลจิสติกส์ของประเทศวงเงิน 2 ล้านล้านบาท ของกระทรวงคมนาคม ซึ่งจะระบุถึงความจำเป็นในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง เพื่อการพัฒนาประเทศและเศรษฐกิจ ส่วน พ.ร.บ.ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 2 ล้านล้านบาท
**ยิ่งลักษณ์เรียกผู้ว่าฯกล่อม2ล้านล้าน
มีรายงานว่า กระทรวงการคลังจะนำเสนอ ครม.พร้อมรายละเอียดของโครงการในการประชุมวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ทั้งนี้ โครงการลงทุนดังกล่าวจะมีทั้งโครงการหลักและโครงการสำรองรวมประมาณ 50-60 โครงการ
ส่วนแผนการลงทุนภายใต้ร่างกฎหมายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 2 ล้านล้านบาท เบื้องต้นประกอบด้วย โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 4 ภูมิภาค คือ สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่, กรุงเทพฯ-นครราชสีมา, กรุงเทพฯ-ระยอง และกรุงเทพฯ-หัวหิน ใช้เงินลงทุนประมาณ 5 แสนล้านบาท ส่วนโครงการอื่นๆ เช่น การขยายรถไฟรางคู่ทุกเส้นทางทั่วประเทศ โครงการทางหลวงมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครราชสีมา รวมถึงโครงการรถไฟฟ้า 10 สายในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล
อีกด้านนพ.ทศพร แถลงว่า วันที่ 22 ม.ค. ปลัดกระทรวงต่าง ๆ และบรรดาหัวหน้าส่วนราชการจะมีการประชุมเพื่อสรุปงานในปีที่ผ่านมา และแผนงานที่จะดำเนินการต่อไป โดยสำนักงบประมาณจะเข้าชี้แจงการจัดทำงบประมาณในปี 2557 แก่หัวหน้าส่วนราชการต่างๆได้รับทราบ นอกจากนี้ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน จะมีการประชุมระดับผู้ว่าราชการจังหวัด เป็น 18 กลุ่มจังหวัดเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด และยุทธศาสตร์จังหวัด รวมถึงเรื่องของงบประมาณในปีงบประมาณ 2557
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า กระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เห็นว่าผลที่เกิดขึ้นจากการลงทุนจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวปีละเท่าไหร่ และก่อให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก โดยจากผลการศึกษาเงินลงทุนทุก 1 แสนล้านบาท จะก่อให้เกิดการจ้างงานทั้งแรงงานมีฝีมือและไร้ฝีมือรวม 8 หมื่นคน
ทั้งนี้เป็นเปิดแผนพัฒนาประเทศครั้งใหญ่ ซึ่งถือเป็นนโยบายรอบใหม่ของรัฐบาลให้หน่วยงานราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศยึดถือปฏิบัติ ภายใต้ยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ 5 ปี (2556-2561) ภายใต้กรอบงบประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท โดยจะแจกแจงเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ รวมถึงแผนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 โดยเวลา 08.30 น.นายกฯ จะเดินทางไปที่ห้องเวิลด์บอลรูม ชั้น 23 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ และในวันที่ 28 ม.ค. นายกฯ จะเป็นประธานประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงที่กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งจะเน้นย้ำเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง.
** ไฟเขียว 617 ล้านบาทให้กลุ่มลับแล
นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมเห็นชอบแผนงานและโครงการที่ภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในภูมิภาค หรือ กรอ.เสนอ โดยเห็นว่ามี 33 โครงการ ที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที วงเงินกว่า 617 ล้านบาท โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งจัดทำรายละเอียดขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 ภายในสองสัปดาห์ เพื่อให้สำนักงบประมาณพิจารณาวงเงินที่เหมาะสม โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็นต่อไป โดยแบ่งงบประมาณสำหรับกลุ่มจังหวัดที่สามารถดำเนินการได้ทันทีกว่า 99 ล้านบาท จังหวัดพิษณุโลก 100 ล้านบาท จังหวัดตาก 106 ล้านบาท จังหวัดเพชรบูรณ์ 99 ล้านบาท จังหวัดสุโขทัย 110 ล้านบาท และจังหวัดอุตรดิตถ์ 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ เห็นชอบในหลักการของกรอบข้อเสนอแผนงาน โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 5 จังหวัด 78 โครงการ วงเงินกว่า 51,385 ล้านบาท โดยมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบศึกษาความเหมาะสมและจัดทำรายละเอียดแผนงาน ขั้นตอนระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สำนักงบประมาณใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณประจำปี ตามลำดับความสำคัญของแผนงานและโครงการ
**จ่อ "แม่สอด"ถกเวทีเขตศก.พิเศษ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ว่า มติครม.ใน ในเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยเฉพาะที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เป็นเรื่องที่ค้างคามานาน จึงได้นำมาหารือกับภาคเอกชนและจังหวัด ครม.จึงมีมติที่จะให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีในส่วนของการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นมา และกรณีของอ.แม่สอด จะเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งแรกๆที่จะถูกนำเสนอผ่านคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งลำดับต่อไปต้องรอ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำร่างดังกล่าวแล้วประกาศอย่างเป็นทางการก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษซึ่งจะนำมาพิจารณาทั้งหมด
ขณะที่นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกรัฐบาล ระบุว่า พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษไม่จำเป็นต้องเป็นพื้นที่พรมแดนแต่อาจเป็นพื้นที่อื่นๆ ได้ โดยล่าสุดมีพื้นที่เศรษฐกิจที่ขอยกระดับเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษอีกกว่า 10 แห่ง
**ไฟเขียว รฟม. กู้เงินโครงการรถไฟฟ้า
นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมได้อนุมัติให้ รฟม.กู้เงินในปีงบประมาณ 2556 เพื่อเป็นค่าก่อสร้างงานโยธา ค่าจ้างที่ปรึกษษบริหารงานโครงการ ค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ เป็นเงิน 11,472.36 ล้านบาท และสำหรับโครงกสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ จำนวน 4,745.40 ล้านบาท โดยให้ รผม.กู้เงินต่อจากกระทรวงการคลัง โดยให้สำนักงานประมาณพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีของ รฟม.เพื่อชำระหนี้คืนแก่แหล่งเงินกู้โดยตรงอีกด้วย
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้ รฟม.ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ (รีไฟแนนซ์) จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) ในส่วนของ 2 สัญญาที่ใช้ในการดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคลอีกด้วย
**ปชป. อัดครม.สัญจรแค่โครงการขายฝัน
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า อยากให้รัฐบาลผลักดันโครงการในการพัฒนาพื้นที่ภาคเหนือ และจัดงบประมาณลงไปอย่างจริงจัง ไม่อยากให้ชาวอุตรดิตถ์และคนภาคเหนือต้องดีใจเก้อกับโครงการขายฝันของรัฐบาล เพราะที่ผ่านมารัฐบาลตระเวนจัดครม.สัญจรไปในพื้นที่ต่างๆ และมีการบอกว่า จะนำโครงการไปพัฒนาพื้นที่ต่างๆ แต่ไม่มีการผลักดันอย่างจริงจัง จากการตรวจสอบพบว่า ตัวเลขงบประมาณที่จัดลงไปนั้นน้อยกว่า ตัวเลขงบประมาณที่ต้องใช้จริงเป็นจำนวนมาก.