xs
xsm
sm
md
lg

“ปู” ชู 4 ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ 6 เดือนเห็นผล โวบริหารงบ 55-56 ตามเป้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ปูกรรเชียง” มอบนโยบายขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ และแจงการจัดทำงบ 57 เน้น 4 ยุทธศาสตร์ แนวพระราชดำรัสในหลวง รับประชาคมอาเซียน แก้ปัญหาพร้อมสร้างโอกาส ชมหน่วยงานให้ความร่วมมือปีที่ผ่านมาช่วยเศรษฐกิจประเทศฟื้นตัว จีดีพีพุ่ง เงินเฟ้อปกติ หนี้สาธารณะอยู่เกณฑ์ดี ชี้พึ่งแต่ส่งออกไม่ได้ พร้อมหนุนพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ อ้างเพื่อนบ้านแซงเหตุไร้โครงการขนาดใหญ่ คุยนโยบายเข้าเป้า เหตุลงทุนกับบีโอไอเพิ่ม คุย 6 เดือนเศรษฐกิจโต เล็งขยายตลาด พร้อมก้าวเดินร่วมเอกชน-ปชช.


วันนี้ (22 ม.ค.) ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบนโยบายสำหรับขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศและการชี้แจงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ให้กับหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ 4 ยุทธศาสตร์เพื่อขับเคลื่อนประเทศในปี 2557 และการรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ประกอบด้วย การสร้างความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้ประเทศหลุดพ้นจากประเทศรายได้น้อย เป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ยุทธศาสตร์ลดความเหลี่อมล้ำ เพื่อสร้างโอกาสความเสมอภาค และความเท่าเทียมกับสังคม ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ยุทธศาสตร์ สร้างความเติบโตบนพื้นฐานคุณภาพชีวิต เพื่อเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยุทธศาสตร์ การปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าทั้ง 4 ยุทธศาสตร์จะนำไปสู่การขับเคลื่อนประเทศ ตามนโยบายขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวพระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า การบริหาราชการกว่า 1 ปี ที่ผ่านมายอมรับว่ามีความท้าทาย เพราะมีปัจจัยทั้งภายในและภายนอกที่ไม่นิ่ง ทั้งด้านเศรษฐกิจที่มีความผันผวน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรปที่ให้ความสำคัญกับความเป็นประชาธิปไตย และความเท่าเทียม เศรษฐกิจของประเทศที่ไม่สมดุล และสังคมขาดการดูแล แต่ด้วยความร่วมมือของหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ทุนสำรองระหว่างประเทศปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 48 ของจีดีพี ซึ่งถือว่าสูงกว่าคาดการณ์ และคาดว่าในปีนี้จีดีพีประเทศจะอยู่ที่ร้อย 5.5 ส่วนภาวะเงินเฟ้อขณะนี้ถือว่าอยู่ในภาวะปกติ คือร้อยละ 3 ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันดูแล ไม่ให้เงินเฟ้อเพิ่มมากไปกว่านี้ และที่ผ่านมาเราขาดดุลงบประมาณอยู่ที่ 4 แสนล้าน แต่วันนี้สามารถรักษาภาวะขาดดุลลดลงต่อเนื่อง ภาวะตกงานน้อยลง เพราะมีการปรับยุทธศาสตร์ในพื้นที่ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศ ดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นบวก หนี้สาธารณะอยู่ที่ร้อยละ 43.9 ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าหลายประเทศในภูมิภาค

“ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ได้ชี้แจงกับส่วนราชการในการจัดทำยุทธศาสตร์ให้ไปในทิศทางเดียวกันและมีการจัดสรรงบประมาณได้เต็มศักยภาพ เพราะการจัดทำยุทธศาสตร์จะมีปัจจัยและอุปสรรค 2 ด้าน คือ ปัจจัยภายนอกประเทศ จากเศรษฐกิจ-สังคมโลกที่กระทบประเทศไทย เนื่องจากรายได้ของไทยส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการส่งออก และ ปัจจัยภายในประเทศ จากการทำงานของส่วนราชการและการบริหารจัดการน้ำต้องเดินหน้าอย่างเต็มศักยภาพ เพราะปัจจุบันสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงมากขึ้น หากต้องการให้เศรษฐกิจในประเทศเติบโตจำเป็นต้องพัฒนาภายในประเทศด้วย ทั้งการพัฒนาการศึกษา แก้ปัญหายาเสพติด แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม แก้ปัญหาคอร์รัปชัน โดยเฉพาะการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน เพื่อให้เกิดการลงทุนขนาดใหญ่ในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมาไทยไม่ได้มีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่เลย ถึงขนาดแพ้มาเลเซีย มีเพียงการลงทุนตามปีงบประมาณแบบปีต่อปีเท่านั้น ทำให้ขีดความสารถทางการแข่งขันประเทศลดลง” นายกฯ กล่าว

ทั้งนี้ จากการเดินหน้านโยบายและการใช้จ่ายงบประมาณระหว่างปี 2555-2556 พบว่า ประสบความสำเร็จตามแผนที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรงบประมาณร้อยละ 10 จากทุกกระทรวง,เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ประสบอุทกภัย การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท การขยายตัวของยอดการท่องเที่ยวของไทย โครงการรถคันแรกที่เกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 1,250,000 คัน โดยต้องคืนเงินภาษีจำนวน 90,000 ล้านบาท รัฐบาลจะมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อคืนให้กับประชาชน หลังรัฐสามารถจัดเก็บภาษีได้เกินเป้า ทำให้นักธุรกิจและนักลงทุนมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ดูจากตัวเลขนักลงทุนที่ขอรับการสนับสนุนการลงทุนจากบีโอไอเพิ่ม 2,500 ราย ขณะที่ทุนสำรองประเทศมีความมั่นคงและเพียงพอ โดยรัฐบาลมั่นใจปีนี้จะสามารถทำให้เศรษฐกิจประเทศเติบโตขึ้นภายใน 6 เดือน คาดว่าจีดีพีประเทศจะเติบโตร้อยละ 5.5 ส่วนอัตราเงินเฟ้อต้องไม่เกินร้อยละ 3 ของจีดีพี โดยให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลังดูแล

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวย้ำว่า รัฐบาลจำเป็นต้องมีการปรับยุทธศาตร์การจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับยุทธศาตร์ประเทศ เริ่มตั้งแต่การปรับนโยบายรัฐไปยังกระทรวงก่อนลงไปยังจังหวัดให้มีความสอดคล้องกัน เพื่อให้เกิดการจัดสรรและเบิกจ่ายงบประมาณอย่างเต็มศักยภาพ โดยเฉพาะการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานประเทศ และการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน เพื่อก้าวสู่การเป็นประชาคมอาเซียนอย่างสมบูรณ์ การส่งเสริมอุตสาหกรรมการเกษตรและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ ในการเพิ่มรายได้ให้ประชาชน ด้วยการรักษาฐานตลาดประเทศท่องเที่ยวเดิมไว้แล้วเจาะตลาดประเทศท่องเที่ยวใหม่เพิ่มเติม อย่างตลาดในอาเซียน และการจัดการที่ดินประเทศ (โซนนิ่ง) ด้วยการกำหนดการใช้ที่ดินให้ชัดเจนในแต่ละประเภทการใชังาน ทั้งนี้ ขอให้ทุกฝ่ายคิดบวก ก็จะได้เห็นรัฐบาลทำงานร่วมกับภาคเอกชนและภาคประชาชนร่วมกันพัฒนาประเทศและสร้างความมั่นคง ยั่งยืนและสมดุลต่อไป






กำลังโหลดความคิดเห็น