เลขาฯ นายกฯ เผย “ยิ่งลักษณ์” ไปชายแดนแม่สอดก่อนถก ครม.สัญจร หวังดูการลงทุนทางเศรษฐกิจ สาธารณูปโภค ปัดจัดทัวร์แบ่งเค้ก อ้างอยากเห็นกลุ่มจังหวัดพัฒนาร่วมกัน แต่วางไว้แล้วจังหวัดละ 100 ล้าน พร้อมประเมินเรียกเงินคืนถ้ามีปัญหา
วันนี้ (20 ม.ค.) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่ จ.อุตรดิตถ์ ว่า สาเหตุที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อตรวจเยี่ยมสะพานมิตรภาพไทย-พม่า เพราะถือว่าเป็นประตูสำคัญทางเศรษฐกิจของไทยและพม่า ที่ผ่านมาการค้ามีรายได้เพิ่มขึ้น จากปีละ 2.5 หมื่นล้านเป็นปีละกว่า 3 หมื่นล้าน ถือว่าเป็นเส้นทางเศรษฐกิจที่เชื่อมต่อจากตะวันออก สู่ตะวันตก ไทย-ลาว และไปถึงเวียดนาม โดยนายกฯ ต้องการสาธารณูปโภคมีความเชื่อมโยง ในอดีตเป็นแค่ทางผ่านไม่ได้มีผลประโยชน์เรื่องเศรษฐกิจเต็มที่ ดังนั้นไทยต้องลงทุนโครงข่ายพื้นฐาน เพื่อให้เกิดความสะดวกและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะจุดผ่านแดน แต่ต้องตรวจไม่ให้มีการลักลอบของเถื่อน ยาเสพติด ดังนั้นต้องมีการคุยในภาพรวมของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่างว่าจะทำอย่างไรเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มากขึ้น เพราะจุดแข็งคือเป็นทางผ่านเศรษฐกิจ และมีเมืองท่องเที่ยวสำคัญที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่
“หลายคนมองว่า ครม.สัญจร รัฐบาลหอบเงินมาแบ่งเค้ก มาแจกกันระหว่าง 5-6 จังหวัด ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น แต่ยอมรับว่าเรามีงบประมาณพิเศษ และอยากเห็นกลุ่มจังหวัดพัฒนาร่วมกัน โดยนำจุดแข็งมาพัฒนา ขณะที่นายกฯ บอกว่าแต่ละจังหวัดต้องขับเคลื่อน จะรอเพียงแต่ส่วนกลางลงมาพัฒนาไม่ได้ และการพัฒนาระดับจังหวัดต้องดูด้วยว่าสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ระดับประเทศหรือไม่ ไม่ใช่สักแต่ลงทุนแล้วประชาชนไม่ได้รับการพัฒนา และกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่างจะสามารถรองรับการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนได้อย่างดี โดยในที่ประชุมครม.นอกสถานที่จะคุยกัน หลังจากที่ได้คุยกันในที่ประชุม กรอ.และกลุ่มผู้ว่าราชการจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง” เลขาธิการนายกฯ กล่าว
นายสุรนันทน์กล่าวต่อว่า ในเรื่องของงบประมาณได้วางไว้เป็นมาตรฐาน คือ จังหวัดละ 100 ล้านบาท และรวมกลุ่ม 5 จังหวัดอีก 100 ล้านบาท รวมแล้ว 600 ล้านบาท ทั้งนี้ไม่ใช่แต่ละจังหวัดจะสามารถแจกได้ตามใจชอบ ถ้ายุทธศาสตร์ไม่ตรงกับแนวทางการบริหารประเทศ ก็ไม่ให้ ต้องเป็นยุทธศาสตร์ที่สนับสนุนกันทั้ง 5 จังหวัด แต่ถ้าแต่ละจังหวัดอยากจะทำอะไรที่เป็นของตัวเองต้องนำเข้าสู่การพิจารณางบประมาณปกติ โดยกระบวนการพิจารณาต้องเป็นไปตามระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง และรัฐบาลจะประเมินผลตลอดว่าเม็ดที่มาขอนำลงไปนั้น ได้ทำจริงตามที่เสนอโครงการมาหรือไม่ ถ้ามีปัญหาเราต้องเอาคืนไปให้ในจุดที่มีความสำคัญมากกว่า