“อำมาตย์เต้น” มั่นใจ พ.ร.ก.นิรโทษ ปชช.คดีการเมืองทุกกลุ่มเว้นแกนนำ จุดเริ่มปรองดอง พร้อมชงนายกฯ เชื่อไม่ทำขัดแย้งเพิ่ม อ้างทุกกลุ่มพร้อมหนุน คาดอาจลุยก่อนแก้ รธน. ชี้ รบ.ทำไม่ทำก็เสี่ยงอยู่แล้ว ขอเปิดใจยันเพื่อ ปชช.-วอนหยุดนำปมพระวิหารมาเป็นประเด็นคลั่งชาติ แนะปล่อยผู้เกี่ยวข้องทำเต็มที่-มั่นใจ “ยศวริศ” ไม่ผิด 112 พร้อมใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกัน ยันติดคุกก็ไม่หลุดที่ปรึกษา รมต.
วันนี้ (17 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) นิรโทษกรรมที่จะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เราเชื่อมั่นว่าประชาชนที่ต้องคดีความทั้งเสื้อแดง เสื้อเหลือง และสีเสื้ออื่นๆ ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อสู้ทางการเมืองตั้งแต่หลังรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 เป็นต้นมาไม่ได้มีพื้นฐานชีวิตเป็นอาชญากร เมื่อต้องคดีความน่าจะได้รับโอกาสจากกระบวนการยุติธรรม เราเห็นว่าการหยิบยื่นโอกาสทางกระบวนการยุติธรรมให้ผู้ต้องคดีทางการเมืองจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสร้างความปรองดองของคนในชาติ หากเราตัดในส่วนของแกนนำของทุกกลุ่มออกไปได้จะลดเงื่อนไขความขัดแย้งได้มาก
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า การยื่นร่าง พ.ร.ก.นิรโทษกรรมได้มีการปรึกษาหารือกับนักกฎหมายระดับครูอาจารย์หลายคนเห็นว่าสามารถนำเสนอและนำไปสู่ผลบังคับใช้ได้ ส่วนที่ยังมีความเห็นแตกต่างกันอยู่ในขณะนี้เป็นเรื่องที่เราสามารถอภิปรายหรือตีความในตัวบทกฎหมายกันได้ ไม่ใช่ความขัดแย้ง ทั้งนี้ กำหนดเวลาที่จะยื่นร่าง พ.ร.ก.นิรโทษกรรมให้นายกฯ เบื้องต้นยังไม่มีการนัดหมายกัน ส่วนที่นายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าอาจนำไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่นั้น คิดว่าแกนนำของทุกๆ กลุ่มคงไม่มีความเห็นแตกต่างจากกรณีนี้ เพราะตั้งแต่มีการเสนอแนวคิดออกร่าง พ.ร.ก.นิรโทษกรรมยังไม่ปรากฏท่าทีต่อต้านที่ชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมควรทำก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมจะเป็นช่องทางหนึ่งที่สร้างความปรองดองเกิดขึ้นได้ในอนาคต เรื่องรัฐธรรมนูญก็เช่นเดียวกันแต่รัฐธรรมนูญฝ่ายเดียวกันยังมีความเห็นที่แตกต่างและฝ่ายตรงข้ามสร้างเงื่อนไขตลอดเวลา เรื่อง พ.ร.ก.นิรโทษกรรมจึงอาจเป็นเรื่องที่ถูกหยิบยกมาพิจารณากันก่อนก็ได้
เมื่อถามว่า คิดว่ารัฐบาลจะรับลูกหรือไม่เพราะการออกเป็น พ.ร.ก.อาจสุ่มเสี่ยงที่จะถูกยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า รัฐบาลนี้อยู่ในสถานการณ์ความเสี่ยงจากฝ่ายที่ซุ่มโจมตีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เราเสนอประกอบด้วยหลักการและเหตุผล เชื่อว่าสังคมนี้ต้องมีบางมุมที่พูดด้วยเหตุด้วยผลกันได้บ้าง เรื่องนี้เรามีเป้าหมายที่ประชาชนเป็นสำคัญ หากคำนึงเหตุผลข้อนี้และเปิดใจรับฟังไม่น่าจะนำไปสู่ความขัดแย้ง
สำหรับการชุมนุมของกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติรักษาแผ่นดินในวันที่ 21 ม.ค.ในกรณีปราสาทพระวิหารนั้น แกนนำ นปช.กล่าวว่า ตนเคารพในเสรีภาพการเคลื่อนไหว แต่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนเกินกว่าที่กลุ่มใดจะเอามาเป็นเงื่อนไขทางการเมืองทั้งในและระหว่างประเทศได้ สถานการณ์ปราสาทพระวิหารอย่างเดียวที่ประเทศไทยควรทำ คือ ให้หน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องได้รับผิดชอบและดำเนินการอย่างสุดความสามารถ คนในประเทศไม่ควรสร้างความสับสน ไม่ควรปลุกอุดมการณ์คลั่งชาติแบบผิดทิศผิดทางและสร้างเป็นปัญหาให้คนที่รับผิดชอบต้องทำหน้าที่เพิ่มขึ้นอีก
นายณัฐวุฒิยังได้กล่าวถึงกรณีที่ศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก แกนนำ นปช. ฐานมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่าตนได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายยศวริศแล้ว เบื้องต้นทางทีมทนายความจะนำเงินสดวางเป็นหลักประกัน และตนได้บอกทีมทนายความว่าหากจะต้องใช้ตำแหน่ง ส.ส.ไปเป็นหลักประกันในเรื่องนี้ก็พร้อมและยินดี เพราะเชื่อมั่นว่าตัวตนของนายยศวริศไม่ได้เป็นอย่างข้อกล่าวหา เพียงแต่เมื่อศาลมีคำวินิจฉัยต้องเคารพ โดยกระบวนการหลังจากนี้ไม่ว่าจะเป็นการยื่นประกันตัวหรือต่อสู้คดีก็ต้องปรึกษากับฝ่ายกฎหมายอีกครั้ง ส่วนจะมีผลกระทบต่อตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ของนายยศวริศหรือไม่นั้น เบื้องต้นหากคดียังไม่สิ้นสุดตามข้อกฎหมายถือว่ายังไม่ขาดคุณสมบัติ แต่ต้องดูความคืบหน้าว่าการประกันตัวจะประสบผลสำเร็จหรือไม่เพื่อดูถึงแนวทางในการต่อสู้ทางคดีต่อไป
