“อภิสิทธิ์” ติง “ปู” เบี้ยวประชุมวิชาการอิสลาม เหน็บ นปช.นิรโทษแดงวางยา “แม้ว”

หน.ปชป.กังขา “นายกฯ ปู” ไม่ไปประชุมวิชาการอิสลามนานาชาติที่ มอ.ปัตตานี ทั้งที่ป้ายต้อนรับเต็มเมือง บ่นเสียดายได้แจงต่างชาติ ซัด “เฉลิม” แก้ไฟใต้ไม่ได้ โบ้ยเหตุเผากล้องวงจรปิดขัดผลประโยชน์ เหมือนคนเมาบอกไม่เมาคงแก้ยาก ฟันธง “ดีเอสไอ” หยิบเรื่องเงินบริจาคกลั่นแกล้งแน่ ส่วน นปช.เสนอ พ.ร.ก.นิรโทษกรรมม็อบ ชี้ “ทักษิณ” คนสั่งตัวจริง สงสัย “ไอ้ตู่” วางยาหรือไม่

วันนี้ (16 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมวิชาการอิสลามนานาชาติ ครั้งที่ 2 ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ว่าตนเห็นป้ายต้อนรับนายกรัฐมนตรีเต็มเมือง แต่ว่านายกฯ กลับไม่ได้ไปร่วมการประชุมดังกล่าว โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ไปแทน รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการก็ส่งรัฐมนตรีช่วยไปแทน ก็เสียดายโอกาสที่นอกเหนือจากนายกฯ จะได้ทำงานในด้านวิชาการแล้วยังเป็นโอกาสสร้างความเข้าใจให้ชาวต่างชาติ ซึ่งตนไม่แน่ใจว่านายกฯ ติดภารกิจอะไร

ส่วนกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เหตุการณ์เผากล้องซีซีทีวีหลายจุดในพื้นที่ จ.ยะลา เป็นพวกเสียผลประโยชน์จากการประมูล ไม่เกี่ยวกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนงงๆ เพราะข่าวการเผาซีซีทีวีสร้างสถานการณ์กว่า 70 จุดพร้อมกัน ตนก็ไม่เคยเห็นว่าบริษัทที่แพ้ประมูลสามารถกระทำได้ ซึ่งก็คงเป็นไปตามฟอร์มของ ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งตนเข้าใจว่า พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก็ยอมรับชัดเจนว่าเป็นเรื่องความไม่สงบ ซึ่งเมื่อวานพบกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ก็บอกกับตนว่า เป็นการกระทำของกลุ่มวัยรุ่นที่สร้างเรื่อง ตนก็ได้ให้ข้อคิดไปว่าเวลาที่มันมีเหตุการณ์จะส่งผลกระทบ และเกิดความหวั่นไหว ซึ่งก็ไม่ควรประมาทเพราะพอมีเรื่องซีซีทีวีแล้ว การก่อเหตุที่อาจจะตามมาเพราะการตรวจสอบในเรื่องของยานพาหนะทั้งหลายที่ใช้ในการกระทำความผิดก็จะเป็นปัญหา

“ผมก็ไม่เข้าใจว่ารองนายกฯ พยายามเน้นย้ำไม่ให้เป็นเรื่องภาคใต้ ทุกครั้งที่มีการหยิบยกปัญหา หรือเหตุการณ์สถานการณ์ภาคใต้ขึ้นมา เหมือนคนที่ปฏิเสธปัญหาว่าคงไม่มีทางที่จะแก้ปัญหาได้ อย่างเช่นถ้าติดเหล้า แล้วก็ไม่ยอมรับว่าตัวเองกินเหล้า หรือเมา ก็คงจะแก้ไขยาก ผมว่าการเผากล้องซีซีทีวีกว่า 70 กว่าจุดนั้น ผู้ประมูลงานดังกล่าวก็คงมีไม่กี่ราย จะเรียกมาสอบหรือไม่” นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรียกไปให้ถ้อยคำกรณีบริจาคเงินบำรุงพรรคว่า ตนได้ยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรไปแล้ว แต่ก็แปลกใจว่ามาเชิญ ส.ส.พรรคอีก 44 คนไปให้ถ้อยคำอีก ซึ่งเรื่องนี้เป็นการหักเงินเดือนเพื่อเป็นเงินบำรุงพรรค โดย ส.ส.ยินยอมให้หักเงินเดือน และให้สภาก็เป็นตัวแทนในการเซ็นเช็คขีดคร่อม ตามกฎหมายทุกประการจึงมองเป็นอื่นไม่ได้นอกจากหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นการกลั่นแกล้ง และตนมองว่าเป็นการทำลายระบบพรรคการเมือง เพราะทั้งคดีอีสท์วอเตอร์ และคดีดังกล่าวที่พยายามมาทำขณะนี้เพื่อไม่ให้คนมาบริจาคเงินพรรคการเมือง ซึ่งดีเอสไอก็คงอยากให้มีแต่พรรคการเมืองซึ่งมีนายทุนไม่กี่คน

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้ออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ถูกศาลตัดสินจำคุก และผู้ที่ถูกกล่าวหาที่คดียังไม่ถึงที่สุด จากคดีทางการเมืองตั้งแต่ 1 ม.ค. 50-31 ธ.ค. 54 โดยที่ไม่นิรโทษกรรมให้กับผู้ที่มีอำนาจสั่งการตัดสินใจนั้นว่า ตกลงแรงจูงใจทางการเมือง หรือว่าการกระทำความผิดโดยมีมูลเหตุทางการเมืองนั้นจะนิยามอย่างไร ซึ่งจะเพิ่มความสับสนเข้าไปอีกว่าใครมีอำนาจ หรือสั่งการให้เคลื่อนไหว ใครจะเป็นคนชี้นำจริงๆ ซึ่งตนอยากถามว่า คนที่สั่งการเคลื่อนไหวแน่ๆ คนเดียวที่เห็นก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่วิดีโอลิงก์เข้ามาสั่งให้เคลื่อนไหวชัดเจน ซึ่งไม่รู้ว่างานนี้นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.วางยา พ.ต.ท.ทักษิณหรือเปล่า

“อยากเตือนรัฐบาล เพราะมองไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะไปเข้าเงื่อนไขการออก พ.ร.ก.ได้อย่างไร เพราะไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน เหมือนกรณีเงินกู้ของน้ำท่วม ซึ่งต่อมาก็พิสูจน์ภายหลังค่อนข้างชัดเจนว่า ที่อ้างว่าเร่งด่วนมากๆ ถึงวันนี้ปรากฏว่าเงินยังแทบไม่ได้หากรัฐบาลออกพ.ร.ก.ดังกล่าวไปแล้วก็ก็ต้องรับผิดชอบ แต่คิดว่ารัฐบาลอย่าไปสร้างปมปัญหาความขัดแย้งเพิ่ม แต่ควร มานั่งคุยกันว่าอะไรที่รับกันได้ในเรื่องการนิรโทษกรรม เช่น การฝ่าฝืน พ.ร.ก.จะเป็นประโยชน์กว่า” นายอภิสิทธิ์กล่าว