วุฒิฯ ย้ำรักษาผู้ป่วยเท่าเทียม จี้สภาปรับรับเหตุฉุกเฉิน-ห่วงลักลอบส่งวัวควาย ผิดกม.

"นพ.เจตน์" รับเห็นใจทั้งช่างภาพเนชั่น ที่หมดสติและแพทย์ แจงเหตุฉุกเฉินไม่ต้องถามประกันสังคม นโยบายรบ.คุมค่าใช้จ่ายให้ แนะมีรถพยาบาลทดแทนคันที่ปฏิบัติภารกิจ พร้อมตั้งแผนรับมือเหตุฉุกเฉินในรัฐสภา ใช้โซเชียลมีเดียเข้าช่วย ยันช่วยชีวิตไร้สีเสื้อ-จี้ปศุสัตว์ กรมศุลฯ ดูแลวัว กระบือขาดแคลน หลังมีการลักลอบส่งเพื่อนบ้าน

วันนี้ (14ม.ค.) ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธาน โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุมได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า จากกรณี นายสกล สนธิรัตน ช่างภาพเนชั่น ประจำรัฐสภา ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงและมีเลือดออกในสมอง เนื่องจากคณะทีมแพทย์ พยาบาลไม่ยอมนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งการถึงมือแพทย์ช้าอาจมีผลกระทบต่อชีวิตผู้ป่วยหรือเกิดความรุนแรง พิการภายหลังได้ อย่างไรก็ดี ตนเห็นใจทั้งผู้ป่วยและแพทย์ พยาบาลที่ประจำหน่วยรัฐสภา (รพ.พระมงกุฎเกล้า) แต่ก็คิดว่า 1.กรณีผู้ป่วยฉุกเฉินไม่จำเป็นต้องถามว่าบัตรประกันสังคมอยู่ที่ใด เพราะสามารถส่งโรงพยาบาลใดก็ได้ที่อยู่ใกล้ที่สุด เนื่องจากศูนย์เคลียริ่งเฮาส์จะเป็นผู้จัดการค่าใช้จ่ายส่งต่อเอง เป็นการลดความเหลื่อมล้ำในการรักษาตามนโยบายของรัฐบาล 2.ส่วนที่แพทย์ พยาบาล ไม่กล้านำส่งรพ. เพราะเกรงว่าขณะนำส่งจะมีส.ส. ส.ว. เจ็บป่วยฉุกเฉิน แล้วไม่มีรถนำส่ง จะถูกตำหนินั้น ถ้าเรามีแนวทางปฏิบัติที่ดี โดยให้รถพยาบาลนำผู้ป่วยส่งรพ.ก่อน แล้วติดต่อรถพยาบาลอีกคันมาสแตนบาย ซึ่งจะเกิดประโยชน์และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่ามากกว่า

นพ.เจตน์ กล่าวต่อว่าทั้งนี้ รัฐสภาเองควรมีแผนแนวทางเตรียมความพร้อมเผื่อกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินซ้ำขึ้นอีกได้ และใช้บุคลากรให้เป็นประโยชน์ เรามีส.ส. ส.ว.ที่เป็นแพทย์อยู่มากมาย ร่วมกับการใช้โซเชียลมีเดียในการปรึกษาหารือเพื่อความรวดเร็วในการดูแลผู้ป่วยเบื้องต้น จึงอยากย้ำว่าทุกคนไม่มีสีเสื้อ ต้องช่วยทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน

ส่วนนายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ส.ว.สรรหา หารือว่า ขณะนี้มีการลักลอบวัวและกระบือผ่านชายแดนไทยทั้ง 4 ด้าน ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจฆ่าสัตว์พบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ อีกทั้งปัจจุบันพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ขาดการดูแลและพัฒนาพันธุ์ เพราะขณะนี้มุ่งแต่เลี้ยงเพื่อการส่งออกมากกว่า และการส่งออกดังกล่าวก็ไม่ได้ชอบด้วยกฎหมาย ฉะนั้นจึงอยากให้กรมปศุสัตว์ กรมศุลกากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดตรวจสอบการลักลอบส่งออกและเร่งแก้ไขเรื่องพ่อแม่พันธุ์ด้วย