“จิรายุ เสาไฟฟ้า” เผยเพื่อไทย ถก กก.บห.คัดตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรุ่งนี้ เปิดตัว 15 ม.ค. ยัน ส.ก.-ส.ข.พร้อมช่วย ชู “ยิ่งลักษณ์” ช่วย “วีระ-ราตรี” ทำเป็นเห็นใจพันธมิตรฯ ถูกประชาธิปัตย์เมินช่วย เจรจาปล่อยแค่ ส.ส.คนเดียว จวกฝ่ายค้านปูดข่าว “นช.แม้ว” มีหุ้นมือถือเขมรเลื่อนลอย เย้ยกลัวจนขึ้นสมอง
วันนี้ (12 ม.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันที่ 13 ม.ค.นี้ เวลา 10.00 น. พรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณาตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของพรรค จากนั้นจะมีการประกาศตัวผู้สมัครอย่างเป็นทางการและในวันที่ 15 ม.ค.นี้ เวลา 13.30 น. หัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรค พร้อมด้วย ส.ส. ส.ก. ส.ข. ของพรรคจะร่วมเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ต่อสื่อมวลชน ที่ชั้น 7 พรรคเพื่อไทย ส่วนการหาเสียงเพื่อช่วยผู้สมัครของพรรคนั้น ในส่วนของ ส.ก. ส.ข.กทม. ก็พร้อมที่จะช่วยกันกระจายหาเสียงช่วยผู้สมัคร โดยจะระดมกำลังในพื้นที่เพื่อรณรงค์ถึงความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเพราะถ้าได้ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ก็มั่นใจว่าจะนำนโยบายไปแก้ไขปัญหาให้กับคนกรุงเทพฯได้อย่างแน่นอน
รองโฆษกพรรคเพื่อไทยยังแถลงข่าวถึงกรณีการที่ประเทศกัมพูชาระบุได้เตรียมพระราชทานอภัยโทษให้กับ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ โดยได้รับการปล่อยตัวได้ในช่วงงานพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระนโรดมสีหนุ ในวันที่ 1 ก.พ.นี้ ส่วนนายวีระ สมความคิด จะลดหย่อนโทษให้เป็นเวลา 6 เดือนนั้นว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่งสำหรับญาติของทั้ง 2 คน สำหรับคนไทยที่ไปตกระกำลำบากในต่างประเทศ ซึ่งวันนี้รัฐบาลไทยโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประสานงานไว้เมื่อครั้งไปเยือนกัมพูชา และการให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้ไม่ได้เลือกว่าเป็นใคร ขอให้คนไทยอะไรที่ทำได้นายกรัฐมนตรีต้องทำเพื่อคนไทยทุกคนอยู่แล้ว
“ผมยังเคยน้อยใจแทนพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตอนนั้นว่าจะถามหาความช่วยเหลือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีว่าเหตุใดตอนเป็นนายกรัฐมนตรีถึงไปช่วยแค่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อย่างนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ เพียงคนเดียวทำไมไม่เจรจาขอตัวหรือให้รัฐบาลเพื่อนบ้านช่วยพิจารณาลดโทษบ้าง จึงทำให้ดูเหมือนโดดเดี่ยวพี่น้องพันธมิตรฯ” รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว
นายจิรายุกล่าวต่อว่า วันนี้การอภัยโทษเป็นกิจการภายในของประเทศกัมพูชา แต่ยังมีคนบางกลุ่มนำไปโยงกับเรื่องศาลโลก กรณีเขาพระวิหาร เพราะการปล่อยตัวหรือไม่ปล่อยตัว น.ส.ราตรี หรือนายวีระ ก็สั่งศาลโลกไม่ได้อยู่แล้ว วันนี้ประเทศไทยกำลังจะกลับมาผงาดอีกครั้งในเวทีโลก และประชาคมอาเซี่ยนก็ใกล้เข้ามาทุกทีไม่น่าจะทำให้เสียบรรยากาศ
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐนตรี มีธุรกิจในประเทศกัมพูชา คือ บริษัทมือถือชื่อเอ็มโฟน และได้เลิกจ้างคนงานชาวกัมพูชานั้น นายจิรายุกล่าวว่า เป็นข่าวที่เลื่อนลอย ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องถนัดของพรรคการเมืองบางพรรค ที่สู้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ก็ใช้วิธีการใส่ร้ายป้ายสี ทั้งนี้ไม่เคยพบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ลงทุนใดๆในกัมพูชา แสดงให้เห็นว่าคนพรรคนี้กลัวอดีตนายกรัฐมนตรีจนขึ้นสมอง และเชื่อว่ายิ่งใส่ร้ายมากเท่าไหร่คนไทยก็จะยิ่งสงสารมากขึ้น
ด้าน ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อได้ฟังการแถลงข่าวเปิดตัวผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์แล้ว พรรคเพื่อไทยรู้สึกสงสัยว่าคนไทยจะเชื่อคำพูดของ ม.ร.วสุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีตผู้ว่าฯ กทม. และคนอื่นๆ ในพรรคประชาธิปัตย์ได้แค่ไหน เช่น กรณี ม.ร.วสุขุมพันธุ์ที่ปากก็พูดยกยอตัวเองว่าไม่ใช่คนพูดมาก และจะให้เกียรติพรรคคู่แข่ง แต่ยังไม่ทันขาดคำ ม.ร.ว สุขุมพันธุ์ก็เปิดฉากหาเรื่องพูดเหน็บแนมพรรคเพื่อไทยแล้ว โดยเฉพาะกรณีการส่งเสาไฟฟ้าลงเลือกตั้งๆ ทั้งๆ ที่พรรคเพื่อไทยได้ออกมาปฏิเสธแล้วหลายครั้งว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง พรรคเพื่อไทยให้เกียรติและเคารพการตัดสินใจของคนกรุงเทพฯ ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ไม่ใช่นักพูด และขอเสริมว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์นั้น ไม่ใช่ทั้งนักพูด และไม่ใช่นักทำ แต่เป็นนักแก้ตัว เพราะมีประวัติที่เคยทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่สำเร็จ แถมยังแก้ตัวแบบข้างๆ คูๆ เพื่อปัดความผิดให้พ้นตัว เช่น กรณีสร้างสนามฟุตซอล เสร็จไม่ทันการแข่งขัน แต่อ้างว่า ไม่ได้สร้างสนามฟุตซอลให้ฟีฟ่า แต่สร้างให้คนกรุงเทพฯ เปรียบง่ายๆ กับคนที่ตัดชุดวิวาห์เสร็จทีหลังงานแต่งงาน แล้วอย่างนี้จะจ่ายเงินค่าตัดชุดให้สิ้นเปลืองไปทำไม
รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ วิธีคิดและบุคลิกส่วนตัวของ ม.ร.ว สุขุมพันธุ์ยังอาจเป็นอุปสรรคต่อการประสานงานกับหน่วยงานอื่น อาจทำให้การประสานงานระหว่างรัฐบาลและ กทม.ไม่มีความราบรื่น และอาจเกิดปัญหา เหมือนตอนเกิดน้ำท่วมใหญ่ เมื่อปี 2554 ที่รัฐบาลขอความร่วมมืออะไรไป กทม.ก็เล่นแง่ตลอด ทซึ่งก็ไม่ทราบว่ากลัวรัฐบาลจะได้หน้าหากแก้ปัญหาน้ำท่วมได้หรืออย่างไร ม.ร.วสุขุมพันธุ์จึงพูดว่าตนเองไม่ได้มีหน้าที่แก้ปัญหาน้ำท่วมของประเทศ แต่จะแก้ปัญหาน้ำท่วมให้คน กทม.เท่านั้น ทำให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมต้องรับเคราะห์เพราะการแก้ปัญหาล่าช้า จึงขอให้คนกรุงเทพฯ นำสิ่งเหล่านี้ไปประกอบการพิจารณาด้วย
รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวอีกว่า พฤติกรรมของ ม.ร.ว สุขุมพันธุ์ยังสะท้อนตัวตนแบบคนประชาธิปัตย์ ที่เป็นคนพูดอย่างทำอีกอย่าง ซึ่งสังคมต้องทบทวนให้ดีว่าเชื่อถือได้หรือไม่ จะเห็นว่าสโลแกนหลายอย่างที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พูดอย่างสวยหรู เช่น การให้กรุงเทพฯ เป็นมหานคร เพื่อรองรับการเปิดประชาตมอาเซียนนั้น ก็น่าสงสัยว่าจะเป็นไปได้อย่างไร ที่พรรคประชาธิปัตย์จะไปประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะมีทัศนคติที่เป็นอุปสรรคต่อการพูดคุยกับเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกัมพูชา ขนาดกัมพูชาจะทำดีกับประเทศไทย โดยการปล่อยตัวและลดโทษให้ วีระ-ราตรี เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับไทย แต่นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ อดีต ส.ส.กทม พรรคประชาธิปัตย์ กลับออกมาพูดว่า กัมพูชาทำเช่นนี้เพื่อต่อรองผลประโยชน์ปมพระวิหาร ซึ่งเป็นการทำลายบรรยากาศในการพัฒนาความสัมพันธุ์กับประเทศเพื่อนบ้าน จนกระทั่งนายพัด สุภาภา ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของสมเด็จฯ ฮุน เซน ออกมาพูดทำนองว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์มีความอ่อนโยนไม่แข็งกร้าวทำให้ความสัมพันธุ์ ไทย-กัมพูชาราบรื่น แตกต่างจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ ทั้งๆ ที่ จะว่าไปแล้วการจับกุมวีระ-ราตรีนั้นไม่ใช่เพราะนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ หรอกหรือที่พาวีระ-ราตรีเข้าไปในพื้นที่ขัดแย้งจนทำให้ถูกกัมพูชาดำเนินคดีในข้อหารุกล้ำดินแดน แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ช่วยเหลือแต่นายพนิตออกมาจากคุกกัมพูชาคนเดียว แล้วทิ้งให้วีระ-ราตรีติดคุกในกัมพูชา จนถึงทุกวันนี้พฤติกรรมเหล่านี้สะท้อนถึงวิธีคิดและท่าทีทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ร่วมงานกับใครๆ ได้ยาก ปากอย่างใจอย่าง ซึ่งอาจทำให้ประเทศไทยมีแต่ความแตกแยก ทั้งภายในและภายนอกประเทศไม่จบไม่สิ้น ทั้งนี้ ในช่วงที่จะเกิดประชาคมอาเซียนนั้น เพราะความสามารถในการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเป็นสิ่งสำคัญ จึงขอให้สังคมย้อนดูประวัติสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ด้วยว่า ความสัมพันธ์กับประเทศรอบบ้านเป็นอย่างไร ก็ขอให้คนกรุงเทพฯ นำสิ่งเหล่านี้ไปประกอบการพิจารณาลงคะแนนเลือกตั้งด้วย