xs
xsm
sm
md
lg

ครม.อนุมัติร่าง ก.พ.ห้าม ขรก.ป่วยเกิน 120 วัน-ให้ กห.50 ล้าน จัดกิจกรรมร่วมชายแดน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกรัฐบาล (แฟ้มภาพ)
โฆษกรัฐบาลเผยนายกฯ แจกปฏิทินพระราชดำรัสในหลวงให้ รมต. สั่ง “ปลอด” ตามติดปัญหาหมอกควัน ให้ “นิวัฒน์ธำรง” เร่งปลูกป่า ใช้เทคโนโลยีจับคนบุกรุก จี้ผู้ว่าฯ จัดที่ทำกินประชาชน ระบุนายกฯ ยุ่นเยือนไทย 17-18 ม.ค.นี้ ขณะที่ ครม.อนุมัติร่างกฎ ก.พ.ห้าม ขรก.ป่วยเกิน 120 วันทำการ - แจก 50 ล้านให้กลาโหมทำกิจกรรมชายแดนร่วม “เขมร-ลาว-พม่า”

วันนี้ (8 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเปิดเผยว่า ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม ครม. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้น้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันขึ้นปีใหม่มากล่าวแก่ ครม.โดยพิมพ์มอบแจก ครม.ให้น้อมนำใส่เกล้าฯ ไปปฏิบัติตาม

ทั้งนี้ นายกฯ กล่าวถึงการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดซึ่ง ได้เน้นย้ำใน 3 ประเด็น ดังนี้ 1. ให้เร่งติดตามปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนโดยมอบหมายให้นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เรียกติดตามประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเกิดไฟไหม้ป่า 2. เร่งดำเนินโครงการ “โครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษา มหาราชินี” โดยมอบหมายให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดำเนินปลูกป่าอย่างชัดเจน พร้อมทั้งใช้เทคโนโลยีดาวเทียมของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในการตรวจจับและค้นหาผู้กระทำความผิดในการบุกรุกป่าไม้ เพื่อให้เป็นรูปธรรมต่อไป และ 3. ให้เร่งรัดในการจัดหาพื้นที่ทำกินให้กับประชาชน

นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้แจ้งต่อที่ประชุมถึงการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 17-18 ม.ค. 56

ด้านนายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติร่างกฎ ก.พ.ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณีเจ็บป่วยไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ราชการของตนได้สม่ำเสมอ พ.ศ... ตามที่สำนักงาน ก.พ.เสนอ ทั้งนี้ กำหนดให้ผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจสั่งบรรจุมีอำนาจพิจารณาดำเนินการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนกรณีเจ็บป่วยไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้โดยสม่ำเสมอ กรณีปรากฏว่ามีวันลาป่วยรวมกัน 1 ปีงบประมาณเกิน 120 วันทำการ หรือมีวันลาป่วยรวมกันเกิน 60 วันทำการในแต่ละปีงบประมาณติดต่อกัน 2 ปีงบประมาณ ทั้งนี้ ไม่รวมกรณีเจ็บป่วยเพราะเหตุปฏิบัติราชการในหน้าที่ และกรณีต้องเข้าบำบัดรักษาสุขภาพจิตจามกฎหมายว่าด้วยสุขภาพจิตโดยมีเวลารวมกันไม่เกิน 120 วัน

2. กำหนดให้ผู้บังคับบัญชาส่งตัวผู้นั้นไปรับการตรวจจากสถานพยาบาลของรัฐ เพื่อนำผลตรวจและความเห็นแพทย์มาประกอบการพิจารณา กรณีเห็นว่าผู้นั้นต้องลาป่วยต่อไปอีกจนไม่อาจปฏบัติหน้าที่ได้ให้ผู้นั้นออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุทแทน หรือเห็นควรให้พักรักษาตัวต่อไปอีกแต่ต้องไม่เกิน 60 วันทำการ และเมื่อครบกำหนดให้ผู้นั้นรับการตรวจจากสถานพยาบาลของรัฐอีกครั้ง ถ้าผู้นั้นยังต้องรักษาตัวต่อไปอีกให้สั่งให้ผู้นั้นลาออกเพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทน และ 3. กำหนดให้ผู้บังคับบัญชามีอำนาจสั่งให้ส่งตัวผู้ที่มีความผิดปกติทางจิตที่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและประเมินอาการ กรณีที่สถานพยาบาลของรัฐเห็นว่าผู้นั้นต้องเข้ารับการบำบัดรักษาเป็นเวลาเกิน 120 วัน ให้สั่งให้ผู้นั้นลาออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทน

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงอีกว่า ครม.มีมติอนุมัติหลักการให้กระทรวงกลาโหมดำเนินกิจกรรมพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านความมั่นคงกับประเทศเพื่อนบ้านและนานาประเทศ โดยการสนับสนุนกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และงบประมาณให้กองทัพประเทศเพื่อนบ้านและมิตรประเทศในภารกิจทางทหาร โดยเฉพาะราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยผ่านกิจกรรมการส่งเสริมการฝึกและการศึกษา กิจกรรมส่งเสริมความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาตามแนวชายแดน กิจกรรมสนับสนุนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและกิจกรรมการสนับสนุนการพัฒนาประเทศ การช่วยเหลือประชาชนและการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน ภายใต้กรอบวงเงิน 50 ล้านบาท

ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมเสนอให้ ครม.พิจารณาว่า การจัดดำเนินการกิจกรรมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ปฏิบัติตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ต้องการเร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและนานาประเทศ อีกทั้งการดำเนินการดังกล่าวมีความสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555-2558 ของกระทรวงกลาโหมและสอดคล้องกับแนวคิดทางยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศ ในการสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงและการสร้างฐานเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืน (New Growth Model) ที่กำหนดโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ไทยจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558


กำลังโหลดความคิดเห็น