“มัลลิกา” ตอกค่าแรง 300 ฆ่าแรงงานตายเกลื่อน ทำค่าครองชีพพุ่ง โรงงานเจ๊ง ต่างชาติเสี่ยงย้ายฐานการลงทุนหนี เชื่อปีนี้วิกฤต พร้อมประณามนโยบายหวังแค่คะแนนเลือกตั้ง นายกฯ ลอยตัวเหนือปัญหา จี้เลิกงอนสื่อ แจง ธ.โลกเตือนจำนำข้าวส่อขาดทุนยับ เหตุเสื่อมตามสภาพ ทำคู่ค้าหนีซื้อประเทศอื่น แถมหวั่นตลาดป่วนหากลดราคา อัดเก็บเงียบไม่บอก ปชช. ลั่นกัดไม่ปล่อย เตือนหนีกบดาน ตปท.เพราะอนาคตไม่ต่างจากพี่ชาย
วันนี้ (6 ม.ค.) น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงมาตรการแก้ปัญหาแรงงานและวิกฤตเศรษฐกิจจากนโยบายประชานิยม ปี 2556 พรรคจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยเริ่มจากนโยบายค่าแรง 300 บาทที่เป็นการฆาตกรรมหมู่แรงงานไทยกว่า 14 ล้านคน และยังฆ่าแรงงานนอกระบบอีกกว่า 24 ล้านคนด้วย เพราะนโยบายดังกล่าวทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยที่รัฐบาลไม่มีมาตรการใดๆ รองรับ อีกทั้งกำลังเกิดผลกระทบเกี่ยวกับการปิดกิจการของเอสเอ็มอี และการว่างงาน โดยรัฐบาลออกมาตรการกิ๊กก๊อก 5 มาตรการที่ช่วยอะไรไม่ได้ ทั้งนี้ ข้อมูลแรงงาน 37.8 ล้านคนในระบบ 14.6 ล้านคน และนอกระบบอีก 24.1 ล้านคนคิดเป็นกว่า 63% ของแรงงานทั้งหมด โดยนโยบายดังกล่าวกระทบรากหญ้า คือ แรงงานนอกระบบ เพราะไม่ได้ค่าตอบแทน 300 บาทตามนโยบายของรัฐบาลที่ทำให้ของแพงทั้งปี เงินเฟ้อ แต่รายได้ไม่เพิ่มขึ้น เป็นการฆาตกรรมคนจน และในส่วนที่อยู่ในระบบ 14.6 ล้านคนก็กระทบต่อธุรกิจเอสเอ็มอีที่ต้องขึ้นค่าแรงเกือบ 40% ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นจนแข่งขันไม่ได้ แบกรับภาระด้านแรงงานเพิ่ม 6.4 % เท่ากับว่านโยบายดังกล่าวกระทบทั้งแรงงานในและนอกระบบตั้งแต่ปี 2555 และส่งผลรุนแรงในปีนี้ เป็นการหักดิบอุตสาหกรรมแรงงาน และยังส่งผลกระทบให้เกิดการย้ายฐานการผลิตของอุตสาหกรรมสิ่งทอไป พม่าและกัมพูชา โดยที่รัฐบาลไม่เตรียมมาตรการใดรองรับเพื่อดูแลธุรกิจเหล่านี้
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวด้วยว่า นโยบายดังกล่าวเป็นการกระชากค่าครองชีพสูงขึ้นในทุกเรื่อง ทั้งค่าไฟ น้ำมัน ภาษี และจะฉุดให้เกิดวิกฤตในปี 2556 แน่นอน เพราะทุกนโยบายเชื่อมโยงและมีผลกระทบซึ่งกันและกัน จึงอยากกระตุ้นเตือนสติรัฐบาลให้ประชาชนตั้งรับสถานการณ์ พร้อมประณามนโยบายรัฐบาลว่าฉาบฉวยหวังผลเลือกตั้งไร้ความรับผิดชอบประเทศ เหมือนเผาประเทศซ้ำ ชำเราบ้านเมือง ตามนโยบายทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ปูตีกรรเชียงไม่รับผิดชอบ
พร้อมกันนี้ยังฝากถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวหลังจากที่ธนาคารโลกออกมาเตือนว่าเป็นโครงการที่สิ้นเปลืองงบประมาณถึง 1.5-1.7 แสนล้านบาทต่อ 1 ฤดูกาลเก็บเกี่ยว ทำให้เสียงบประมาณมหาศาลจาก 3 ฤดูกาลต่อปี ซึ่งจะสร้างปัญหารุนแรงต่อไทยและภูมิภาคนี้ จึงกลายเป็นที่จับตาของนานาชาติ เพราะข้าวเสื่อมสภาพตามอายุการจัดเก็บ ทำให้มีการเปลี่ยนการซื้อข้าวไปยังประเทศพม่า เช่น ประเทศญี่ปุ่น หากมีการขายในราคาต่ำกว่าตลาดโลกก็จะสร้างความปั่นป่วนต่อกลไกทางด้านราคาด้วย แต่รัฐบาลเก็บงำข้อมูลไม่บอกความจริงพาประชาชนไปตายหมู่เอาดาบหน้า
“ถ้ารัฐบาลมีอายุครบ 2 ปีจะเสียงบประมาณกว่า 4.5 แสนล้านบาท คิดเป็น 1 ใน 5 ของงบประมาณทั้งปี แต่ผลประโยชน์หมุนเวียนกับเกษตรกรเพียงกว่าส 2 แสนรายเท่านั้น นอกจากนั้นหายไปกับการทุจริต สวมสิทธิ์ รั่วไหลกับการบริหารจัดการ จึงขอให้นายกฯ เลิกงอนนักข่าว เพราะเสียประโยชน์ต่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน ขอให้เปิดรายละเอียดทั้งหมดในการระบายข้าว ทั้งจีทูจี และการระบายข้าวด้วยวิธีอื่นว่าดำเนินการรูปแบบใด มีรายละเอียดกำไร ขาดทุนอย่างไร เงินกลับคืนคลังหรือยัง และจะวางแผนนำไปใช้จ่ายในปี 2556-2557 อย่างไร ซึ่งพรรคจะติดตามอย่างใกล้ชิด โดยรัฐบาลจะปล่อยให้เรื่องเงียบไปเฉยๆ ไม่ได้ เพราะหากไม่มีการสารภาพความจริงกับประชาชนก็เชื่อว่าประชาชนจะลุกฮือขึ้นมาต่อต้าน จึงขอแนะนำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์รีบหาประเทศกบดาน เพราะชะตากรรมจะไม่ต่างจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายที่หนีคดีอยู่ในต่างประเทศ” น.ส.มัลลิกากล่าว