“ประยุทธ์” นั่ง ปธ.พิธีปีใหม่ กอ.รมน. “อุดมเดช” ขอบคุณช่วยผลักดันเบี้ยเลี้ยง “ปู” ส่งสารอวยพร ชมปฏิบัติงานเสียสละ ผบ.ทบ.ลั่นไม่ใช่องค์กรการเมือง ชูปีนี้เจ๋งกว่าเดิม ขออธิษฐานในหลวงมีพระพลานามัยสมบูรณ์ แนะคิดตามพระราชดำรัส เผย รบ.-กองทัพตั้งโฆษกร่วมให้ ปชช.เข้าใจตรงกัน ยันจับมือ กต.แก้ปมเขาพระวิหารตลอด ยึดสันติ ที่ผ่านมาขอให้จบ ชี้ รบ.ไม่ต้องการขัดแย้ง โยนคำตัดสินศาลโลกเป็นกระบวนการยุติธรรม ย้ำให้โลกเห็นคุยในทวิภาคีได้ หาทางออกยั่งยืน ย้ำ รบ.ฝ่ายมั่นคงอยากให้สงบ
วันนี้ (3 ม.ค.) ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรอง ผอ.รมน. ได้เป็นประธานในพิธีอำนวยการและมอบของขวัญปีใหม่แก่กำลังพล ข้าราชการ ลูกจ้าง กอ.รมน. โดย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ รมน. เป็นตัวแทน กอ.รมน.กล่าวขอบคุณรอง ผอ.รมน.ที่ได้ดูแลเอาใจใส่โดยเฉพาะช่วงเดือน พ.ย.ที่ผ่านมาได้ผลักดันให้ข้าราชการประจำ และอัตราช่วยราชการได้รับเงินพิเศษรายเดือน ซึ่งสภาความมั่นคงแห่งชาติกำลังเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี โดยขั้นต่ำจำนวน 2,000 บาท และขยับขึ้นไปตามชั้นยศ ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ได้อ่านสารอวยพรปีใหม่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.รมน.ตอนหนึ่งว่า เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่จึงขอส่งความสุขและความปรารถนาดีมายังเพื่อนข้าราชการ ลูกจ้าง กอ.รมน.จากผลการปฏิบัติงานในรอบปีที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทุกท่านได้ดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลด้วยความเสียสละ อดทน อุทิศตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ จึงขอแสดงความชื่นชมและขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกันสร้างผลงาน เกียรติประวัติ และความภาคภูมิใจให้ กอ.รมน.
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอวยพร และให้โอวาทกำลังพลว่า กอ.รมน.ถือเป็นองค์กรพิเศษ จัดตั้งขึ้นมาด้วยกฎหมายพิเศษ มีหน้าที่ป้องกันแก้ไขภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆ และยังเป็นองค์กรหลักในการบูรณาการร่วมกับกระทรวง ทบวง กรม ในการแก้ไขปัญหาของประเทศ แสดงให้เห็นว่าเราไม่ใช่องค์กรการเมือง เป็นองค์กรที่จัดขึ้นมาเพื่อบูรณาการการทำงาน อยู่ภายใต้รัฐบาล ซึ่งอยากให้ประชาชนได้เข้าใจงานด้านความมั่นคงที่เราทำ สำหรับการทำงานในปี 56 ตนจะดูเรื่องการทำงานให้เป็นรูปธรรม จับต้องได้ ซึ่งเราใช้เวลากันมาตั้งแต่ปี 51 จนกว่าจะมาถึงวันนี้ได้ คิดว่าเราได้วอร์มมาพอสมควร จนเกิดความเข้มแข็ง ความอดทน และความเข้าใจ
“ถ้าพวกท่านเหนื่อย อยากให้มองไปที่พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ท่านทรงทำงานเหน็ดเหนื่อยมาอย่างยาวนาน อยากให้ทุกคนตั้งจิตอธิษฐานให้พระองค์ท่านมีพระพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรง สถิตเป็นมิ่งขวัญของเราต่อไป ซึ่งในปีนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดำรัสเรื่องความมีคุณธรรม ความเมตตา กรุณา อยากให้ทุกคนไปหาคำตอบว่าจะทำอย่างไร ซึ่งคุณธรรมต้องอยู่ในจิตใจทุกคน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ผู้บัญชาการทหารบกยังกล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้หารือร่วมกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ภายหลังการอวยพรปีใหม่ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้พูดถึงแนวทางการดำเนินการในเรื่องความมั่นคงว่าจะทำอย่างไร รวมถึงปัญหาที่ค้างคา ซึ่งที่ประชุมมีมติให้ตั้งทีมโฆษกชี้แจงงานด้านความมั่นคง เพราะบางอย่างต่างคนต่างพูดกันไปอาจไม่ตรงกัน จึงจำเป็นต้องมีทีมงานให้ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนรับทราบไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งทีมโฆษกทางรัฐบาลจะเป็นผู้จัดตั้ง โดยมีพลเรือน ตำรวจ ทหาร เข้าไปร่วม ส่วนการทำงานร่วมกันระหว่างกองทัพกับกระทรวงการต่างประเทศในกรณีปราสาทพระวิหารนั้น เราทำงานร่วมกันมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2505 จนมาถึงช่วงปี 2551 ก็มีปัญหา ซึ่งในที่ประชุมเมื่อวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา อยากให้สองประเทศอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีความร่วมมือกัน และสองประเทศไม่ได้มีแนวโน้มจะสู้รบกัน เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตขอให้ผ่านไป แต่นโยบายของรัฐบาลคือ ไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านรอบประเทศ สำหรับกองทัพบกได้จัดกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 2 ไปรับผิดชอบในพื้นที่เขาพระวิหารอยู่ รวมถึงตำรวจตระเวนชายแดน 2 กองร้อย ภาพลักษณ์ที่ออกมาจะได้ดูเบาลงในสายตาของภายนอก ซึ่งทุกอย่างที่เคยมีปัญหาผ่านมาตอนนี้ก็จบสิ้นแล้ว ตั้งแต่เรามีการปรับวิธีการ มีการพูดคุยกัน ถือเป็นความก้าวหน้าที่ดี
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ศาลโลกจะมีการตัดสินคดีปราสาทพระวิหารในช่วงกลางปีนี้นั้นเป็นเรื่องของการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม แต่ในช่องทางการพูดคุยเรายังเน้นการพูดคุยกันทางคณะทำงานร่วม (JWG) ที่ดำเนินการตามมติศาลโลก ส่วนรัฐบาลก็คุยกับรัฐบาลกัมพูชา เพื่อนำภาพรวมทั้งหมดสรุปให้รัฐบาลของประเทศตัวเอง เพื่อแก้ไขปัญหาในการอยู่ร่วมกันในอนาคต ส่วนการเก็บกู้วัตถุระเบิดยังคงดำเนินการต่อไป แต่คงใช้เวลานานพอสมควร โดยจะมีการกำหนดจุดที่มีการสัญจรของประชาชนที่จะเก็บกู้อย่างเร่งด่วนเพื่อความปลอดภัย
เมื่อถามว่า เรื่องใดที่กระทรวงการต่างประเทศต้องการเร่งรัดให้ดำเนินการแต่ยังติดขัดที่ฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่ได้ใช้คำว่าติดขัด แต่เป็นการหาวิธีการอย่างไรให้คนภายนอกและศาลโลกได้เข้าใจว่าไม่ใช่ไทย หรือกัมพูชา ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนทำ ต้องให้ทั่วโลกหรือศาลโลกเห็นว่าทั้ง 2 ประเทศพูดคุยในทวิภาคีได้ และอยู่ร่วมกันได้ รวมถึงหาแนวทางในการอยู่ร่วมกันได้ในอนาคตโดยไม่มีการสู้รบกันอีกอย่างยั่งยืน ถ้าหากเราไม่มีช่องทางพูดคุยเลยให้เป็นเรื่องรัฐบาลกับรัฐบาล จะดูเหมือนว่าฝ่ายความมั่นคงกับรัฐบาลมีความขัดแย้งกัน ตนมองว่าไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล หรือฝ่ายความมั่นคง ประเทศชาติสำคัญที่สุด ทุกคนมุ่งหวังให้ประเทศชาติปลอดภัย ไม่มีการสู้รบ ซึ่งทหารทำหน้าที่ในการรักษาเขตแดนตามนโยบายของรัฐบาล ส่วนการให้ตำรวจตระเวนชายแดนเข้าไปเสริมกำลังในพื้นที่นั้น เป็นขั้นตอนการดำเนินการที่ทำไปทีละขั้น ซึ่งฝ่ายความมั่นคงก็ดูแลอยู่แล้ว ส่วนรัฐบาลก็เป็นฝ่ายบริหาร เป็นสิ่งที่ต้องทำงานร่วมกัน