ผบ.ทบ.ลงใต้ กำชับงาน กอ.รมน. ชงทหาร-ตชด.สอนแทนครูชั่วคราว

“ซานต้าตู่” ลงชายแดนใต้มอบของขวัญกำลังพล พร้อมกำชับงาน กอ.รมน.ภาค 4 ให้เสียสละตั้งด่านสกัด ขอชาวบ้านร่วมมือให้ตรวจบัตรฯ รถ พร้อมชงทหาร-ตชด.สอนแทนครูชั่วคราว ขอตำรวจ-ชรบ.ช่วยงาน รปภ.ด้วย ยันสวดมนต์แก้เคล็ดปีราหูเพื่อชาติแล้ว ด้าน “ซานต้าหรุ่น-ซานต้าโอ๋” ก็ไปด้วย

วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่กองบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) เมื่อเวลา 08.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยก่อนเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ไปให้กำลังใจ อวยพร มอบของขวัญ และขอบใจกำลังพลของกองทัพภาคที่ 4 ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมผู้บังคับบัญชาของกองทัพบกที่ปฏิบัติทุกปี โดยปีที่ผ่านมาตนก็เดินทางไปที่กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งปีนี้ ในส่วนของชายแดนด้านอื่นได้มอบหมายให้รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก นำสาส์นปีใหม่ของตนไปมอบให้กำลังพล และมอบของขวัญด้วย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า พร้อมกันนั้นในการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งนี้ จะไปกำชับการปฏิบัติงานของกำลังพลในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ว่าห้วงวันหยุดราชการช่วงปีใหม่ให้เสียสละ ทุ่มเทในการทำงาน เพราะตนได้รับคำสั่งจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.รมน. และ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ดูแลกำลังพลให้ดีที่สุดใน 2 ภารกิจ คือ การใช้ทหารหลักตั้งด่านจุดสกัด ทั้งเส้นทางหลัก และเส้นทางรองที่เข้าสู่ตัวเมืองให้มากที่สุด สำหรับเขตตัวเมือง ทางผู้ว่าราชการจังหวัดจะใช้กำลังจากตำรวจ และอาสาสมัคร (อส.) ในการดูแล ซึ่งเป็นไปตามแผนรักษาความปลอดภัย (รปภ.)เมืองอยู่แล้ว แต่สิ่งที่สำคัญคือการได้รับความร่วมมือจากประชาชนในการให้เจ้าหน้าที่ตรวจบัตร และยานพาหนะ เพื่อความเข้มงวด

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ได้เสนอแนวคิดนำทหารมาทำหน้าที่ครูในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากที่ได้รับฟังปัญหาจาก กอ.รมน. กรณีที่ครูถูกทำร้ายและยังไม่สามารถหาครูไทยพุทธมาทดแทนได้ ซึ่งตนได้นำเสนอแนวคิดดังกล่าวในที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กปต.) และนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ว่า หากมีความจำเป็น ก็สามารถจัดทหารหลัก ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) และทหารพราน (ทพ.) ซึ่งเป็นกำลังพลใน กอ.รมน.เข้าไปสอนแทนชั่วคราวไปก่อน โดยกองทัพบก และ เหล่าทัพอื่นเคยเตรียมการมาหลายปีโดยสำรวจคุณสมบัติและขึ้นทะเบียนไว้แล้ว หากรัฐบาลหรือผู้บังคับบัญชาเห็นชอบ เราก็พร้อมทำงาน แต่ในเบื้องต้นต้องการให้เร็วก็จะนำทหารจากฐานที่ใกล้ๆ ไปสอนแทนก่อน อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชา กระทรวงศึกษาธิการ และ ศอ.บต.ที่จะมาประสานรายละเอียด ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่ กอ.รมน. สรุปเป็นแนวทางแก้ไขปัญหา สรุปเป็นแผนงาน โครงการด้านความมั่นคง

“เราปรับแผน รปภ.ครูมา 3-4 ครั้งแล้ว ผมก็เสนอขึ้นไปที่ กปต.เพื่อประสานกับส่วนงานที่เกี่ยวข้องที่นอกเหนือการควบคุมของ กอ.รมน. ซึ่งความปลอดภัยของครู คือ บ้าน ระหว่างทาง และ โรงเรียน ต้องหาทางในการทำอย่างไรให้ 3 จุดปลอดภัยทั้ง 24 ชม. ทหารทำหมดคงไม่ไหว ก็ต้องมาแบ่งกัน ช่วงไหนทหารอยู่ไม่ได้ ก็ต้องเป็นตำรวจ ช่วงไหนเบาไหน ก็ต้องเป็น ชรบ. อรบ. หรือลูกจ้างงานเร่งด่วนที่โรงเรียนดูแล ตรงไหนที่มันอันตรายก็ต้องให้ครูอาศัยนั่งรถเกราะไปกับทหารด้วยช่วงลาดตระเวน ช่วง รปภ.เราทำเต็มที่ และก็รู้ว่าชีวิตทุกคนมีค่า ทั้งนี้ ทุกส่วนต้องช่วยกัน ซึ่งผมอยากให้สถานการณ์เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพราะสิ้นเปลืองและเสียเวลา ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองใจ สิ้นเปลืองคน ชีวิต ทรัพย์สิน ซึ่งเรียกกลับคืนมาไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เมื่อถามว่า ปีใหม่นี้พอจะให้ความมั่นใจกับประชาชนได้หรือไม่ว่าสถานการณ์ชายแดนใต้จะดีขึ้นกว่าปีนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “คิดว่าดีขึ้นตามลำดับ แต่ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีหลายมิติ ซึ่งพันกันอยู่ และต้องคลี่ออกมา ผมไม่อยากบอกว่าการเจ็บ สูญเสียเป็นเรื่องธรรมดา แต่สื่อก็ไปเขียนว่าทหารไม่รู้สึกถึงความสูญเสีย ทหารมีหัวใจนะ มีหัวใจที่เป็นห่วงเป็นใยคน ไม่ได้มองคนเหมือนผักปลา ท่านเป็นนักข่าวสายทหาร ต้องมารู้จักทหาร คิดแบบทหาร ถ้ามองว่าทหารคิดแต่เรื่องผลประโยชน์ แสดงว่าท่านก็คิดแบบนั้น ถ้าท่านมีอำนาจ มีโอกาส ก็จะเป็นอย่างที่ท่านพูดนั่นแหละ แต่ไม่ใช่ผม และทุกคนที่อยู่กันตรงนี้ ปีใหม่นี้ผมคาดว่าสื่อจะดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว มีไม่กี่คนหรอก เป็นส่วนน้อย ผมไม่ใช่คนที่ปิดบัง ซ่อนเร้น แต่ขอให้เขียนให้ตรงกับความเป็นจริง ไม่ใช่ขวาที ซ้ายที คิดอะไรไม่ออก ก็ด่าทหารไว้ก่อน ถามว่าเป็นธรรมหรือไม่ ซึ่งต้องอดทน ผมและกองทัพบกก็อดทนเต็มที่แล้ว วันนี้กองทัพบกเป็นสุภาพบุรุษ เป็นทหารที่ดี อยู่ในระเบียบวินัย”

เมื่อถามว่า โหรทำนายว่าสถานการณ์ปีนี้จะรุนแรงขึ้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็เห็นบอกกันว่าปีหน้าเป็นปีราหู ก็บูชาราหูกันไป ห้อยพระ สวดมนต์ ซึ่งตนก็สวดมนต์ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามฯ ไปแล้ว ให้ประเทศชาติและประชาชนปลอดภัย เป็นการสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติฯ ถวายพุทธกุศลให้ประเทศชาติ และประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร พลเรือน ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ปลอดภัย แต่สุดท้ายทหารก็มักลืมตัวเอง บางครั้งเราก็กำชับให้ดูแลเรื่องความปลอดภัยตัวเองบ้าง ทหารในพื้นที่ก็บอกว่าจะทำอย่างไร เพราะหน้าที่เขาต้องดูแลประชาชน ซึ่งคนที่พูดคือลูก เมีย ของทหารที่ตายไปแล้ว เวลาเขียนอะไรก็ให้นึกถึงเขาบ้าง

มีรายงานด้วยว่า วันเดียวกัน พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ก็มีกำหนดการลงไปเยี่ยมกำลังพลนาวิกโยธินที่ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และในช่วงบ่าย พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ จ.นราธิวาส เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปการปฏิบัติงานของกำลังพลในกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในราชอาณาจักรภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมทั้งไปตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจกำลังพลด้วยเช่นกัน