ผอ.เพื่อไทย ยันแก้รัฐธรรมนูญแน่ ย้ำไม่กังวลพรรคเห็นไม่ตรง ยังไม่ชัวร์ได้ข้อสรุป 6 ม.ค.รับหนุนโหวต กั๊กใช้ฉบับ 50 ทำหรือไม่ ด้าน ส.ส.อุบลฯ เชื่อคนในพรรคหนุนประชามติ หวั่นเดินหน้าในสภาไม่ผ่านจะลำบาก แย้มแผนรณรงค์ใส่ร้ายกฏหมายมีปัญหา เชื่อใช้ ขรก.ผ่านแน่
วันนี้ (30 ธ.ค.) นายภูมิธรรม เวชยชัย ผอ.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย ที่ยังถกเถียงกันยังไม่ได้ข้อสรุปว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทยชัดเจนแล้วว่าจะผลักดันให้มีการแก้ไขแน่นอน แต่ความเห็นที่ไม่ตรงกันในเรื่องแนวทางนั้น ไม่น่ากังวลใจ และไม่ถือเป็นความขัดแย้ง เราเปิดโอกาสให้สมาชิกได้เสนอความคิดเห็นที่หลากหลายและรอบด้านมากที่สุด ใครจะโต้แย้ง หรือจะว่าอย่างไรก็เอากันให้เต็มที่ วันนี้เมื่อยังมีความเห็นแตกเป็น 3 ฝ่าย เราก็รับฟังทั้งหมด และรวบรวมจัดทำเป็นเอกสารบันทึกไว้ให้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดเมื่อเสียงส่วนใหญ่ว่าอย่างไรแล้ว ก็ต้องว่าไปตามนั้น วันที่ 6 ม.ค.2566 พรรคเพื่อไทยนัดสัมมนาที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา น่าจะมีการพูดคุยจนได้ข้อสรุป หรือถ้าไม่ได้จริงๆ อย่างช้าไม่เกินเดือน ม.ค.จะมีความชัดเจนแน่นอน
เมื่อถามถึงแนวทางการทำประชามติ ที่รัฐบาลตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาเรื่องดังกล่าว หมายความว่า จะเลือกแนวทางนี้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า แนวทางดังกล่าวเป็นทิศทางที่พรรคร่วมรัฐบาลเห็นตรงกัน แต่ยังมีเวลาไตร่ตรองอยู่ ยังไม่ตัดแนวทางใดแนวทางหนึ่ง ส่วนตัวคิดว่าการทำประชามติเป็นเรื่องดี เพราะได้รับฟังเจตนารมณ์ประชาชนอย่างทั่วถึง เหมือนเป็นโรงเรียนการเมืองที่สำคัญมาก ปลุกคนให้ออกมาโต้แย้งถกเถียงกันถึงข้อกฎหมาย และกติกาที่ใช้ดูแลประเทศอยู่ อีกทั้งยังเป็นการสร้างบรรยากาศการขับเคลื่อนแนวทางใดๆ ก็ตามที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต อย่างไรก็ตามการทำประชามติภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2550 ที่วันนี้ใครหลายคนมองว่าพิกลพิการ และเป็นกับดักอยู่ คงต้องชั่งใจเหมือนกันว่าทางออกที่แท้จริงมันอยู่ตรงไหน และจะทำให้เกิดผลที่ดีอย่างไร
ด้าน นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย ว่า ขณะนี้สมาชิกพรรคเพื่อไทยยังมีความเห็นแตกเป็น 3 ฝ่าย ทั้งการเดินหน้าโหวตวาระ 3 การทำประชามติ และแก้ไขเป็นรายมาตรา แต่เท่าที่ซาวเสียงแล้วเห็นว่ามีหลักๆ 2 แนวทาง คือ ทำประชามติ กับเดินหน้าโหวตวาระ 3 ส่วนการแก้ไขเป็นรายมาตรานั้นมีไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ เพราะมองว่าจะทำเมื่อไหร่ก็ได้ ส่วนตัวคิดว่าสมาชิกพรรคที่ต้องการให้ทำประชามติน่าจะมีมากกว่า ซึ่งเป็นแนวทางที่ตนสนับสนุน เพราะการเดินหน้าโหวตวาระ 3 นั้น อาจจะไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภา เนื่องจากจะมี ส.ส.และส.ว.ส่วนหนึ่งไม่กล้ายกมือโหวต และถ้าไม่ผ่านขึ้นมา ต่อไปจะเดินหน้าลำบาก กระแสต่อต้านจะรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น จึงเห็นควรให้ทำประชามติดีกว่า เพราะ ส.ส.ทุกคนมีแนวทางรณรงค์ในใจแล้ว แค่บอกว่า รัฐธรรมนูญมีปัญหา ขอให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิกันมากๆ ไม่ได้ชี้ว่าให้ออกเสียงเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย จึงไม่น่าจะผิดกฎหมาย ตนเชื่อมั่นว่า ประชามติจะผ่านแน่นอน เพราะเราสามารถรณรงค์ผ่านเครือข่ายในมือมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแกนนำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เครือข่ายสาธารณสุขขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น