สะเก็ดไฟ
กลบข่าวปิดรอยร้าวกันพัลวัน ทั้งยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี-จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย-คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าโซนกลุ่มกรุงเทพมหานคร-ภูมิธรรม เวชยชัย ผอ.พรรคเพื่อไทย
เนื่องมาจากปัญหายืดเยื้อที่เคลียร์กันไม่จบในพรรคเพื่อไทย กับการตัดสินว่าจะส่งใครลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในนามพรรคเพื่อไทย
ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อ 15 ธันวาคม บอก “ไม่แตกค่ะ”
ส่วน จารุพงศ์ ก็บอกพรรคเพื่อไทยไม่มีเสียงแตก ยืนยันภายในวันที่ 10 ม.ค. จะได้ตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรรคเพื่อไทย ซึ่งตรงกับวันสิ้นสุดภารกิจของผู้ว่าฯ กทม.คนปัจจุบัน
สอดรับกับ ผอ.พรรคเพื่อไทย ภูมิธรรม บอกต้นเดือนมกราคม ได้ข้อสรุป ตอนนี้มีชื่ออยู่ในโผแคนดิเดต รวม 5 ชื่อ
ขณะที่ เจ๊หน่อย สุดารัตน์ ก็คงประเมินแล้วว่า ท่าเรื่องจะบานปลาย ข่าวความขัดแย้งในเพื่อไทยชักหนักขึ้น และมีนักการเมืองในสังกัดตัวเองเป็นต้นเรื่องที่กำลังจะสร้างปัญหาให้กับพรรค ก็เลยต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม
เพราะทุกวันนี้ที่ยืนในพรรคเพื่อไทยของตัวเอง และกลุ่มกรุงเทพฯ ก็ไม่ปึ้กเหมือนในอดีต หลังเพื่อไทยแพ้ในสนาม กทม.ให้ประชาธิปัตย์มาหลายรอบ ทั้งการเมืองระดับชาติ และท้องถิ่น เลยต้องใช้เฟซบุ๊กตัวเองกลบข่าวความขัดแย้งทุกอย่างในเพื่อไทย
ยืนกรานอีกครั้งว่าไม่พร้อมลงสมัคร และขอให้ทุกคนเคารพมติพรรค ช่วยกันทำงานเพื่อให้พรรคประสบความสำเร็จ
ปัญหาดูเหมือนจะจบ แต่ก็ไม่จบแน่นอน จริงอยู่ที่พรรคเพื่อไทยไม่แตกกับปัญหาแค่นี้ แต่รอยร้าว ความไม่พอใจอะไรกันบางอย่างในพรรคมันเกิดขึ้นแน่นอน และมันจะมีผลต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่จะมีขึ้นแน่นอนต้นปีหน้า หากว่ารอยร้าวนี้เคลียร์กันไม่จบ
มีให้เห็นแน่กับการเดินเครื่องไม่เต็มที่ หรือใส่เกียร์ว่าง ของพวก ส.ส.-ส.ก.-ส.ข. ของเพื่อไทยในกลุ่มเจ๊หน่อย ในการจะช่วยเหลือคนที่พรรคเพื่อไทยส่งลงสมัคร หลังมีอาการให้เห็นกันแล้วว่า เมื่อผู้ใหญ่ในเพื่อไทยไม่สนใจรับฟังข้อเสนอของ ส.ส.กทม.-ส.ก.-ส.ข. ของพรรคที่พยายามจะให้พรรคดันคุณหญิงสุดารัตน์ ลงชิงชัยตามที่เรียกร้อง ก็เริ่มมีการเล่นแง่ เกี่ยงงอนกันแล้ว
ส่วนจะถึงขั้นเปิดตัวไม่ช่วยเหลือพรรค หรือไปหนุนหลังผู้สมัครอิสระคนอื่น คงไม่มีแน่ เพราะยังไง “เจ๊หน่อย” ก็ยังต้องอาศัยชายคาทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยอยู่ หน้าฉากก็ต้องสั่งให้ลูกทีมในสังกัดช่วยพรรคเต็มที่
แต่หลังฉากจะไปทำอะไรกัน จะไปช่วยคนไหน หรือช่วยพรรคบ้าง แต่ไม่ทุ่มเต็มร้อย ก็ต้องไม่ทำให้โจ่งแจ้ง มันจะส่งผลเสียต่อหัวหน้ามุ้งอย่าง “เจ๊หน่อย” เอง
ความเขม็งเกลียวกันในเพื่อไทยจากปัญหาส่งคนลงผู้ว่าฯ กทม.มีให้เห็นมาตลอด เพราะคุณหญิงสุดารัตน์ ก็เจอคนในพรรคด้วยกันเอง ที่ไม่ใช่แค่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง คนเดียว ซึ่งก่อนหน้านี้พยายามจะดัน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ มาลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.เพื่อคานอำนาจคุณหญิงสุดารัตน์ และป้องกันเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีของตัวเอง ไม่ให้ถูก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์มาแย่งไปแล้ว
แต่เมื่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ไม่สนใจ และเก้าอี้รองนายกฯ ยังอยู่มั่นคงดี เฉลิมก็พลิกไปหนุนหลัง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เช่นเดียวกับยิ่งลักษณ์ และภูมิธรรม
เฉลิมคนเดียวก็หนักแล้ว แต่เวลานี้ยังมีอีกหลายคนในเพื่อไทย ที่จ้องจะตัดตอนอำนาจ “เจ๊หน่อย” ในพื้นที่กรุงเทพฯ อยู่ตลอดเวลา
แม้กับยิ่งลักษณ์เอง ภายนอกดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ภายใน สองหญิงเพื่อไทย คู่นี้ ขบเหลี่ยมกันอยู่ในที
มันจึงเป็นที่มาของการซื้อเวลาเลื่อนเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.มาเรื่อย ตอนแรกก็บอกรู้ตัวแน่ไม่เกินตุลาคม แล้วก็เลื่อนมาพฤศจิกายน ก็เคาะกันไม่ลง แล้วก็อ้างต้นเดือนธันวาคม มีข้อสรุป นี่ก็ปาเข้าไปกลางเดือนธันวาคม แต่ก็ยังเคาะก็ไม่ได้
ความอึมครึมที่เกิดขึ้น จริงๆ แล้วมีเค้าลางจะปะทุมาหลายรอบแล้ว แต่ไปร้อนเอากลางวงประชุม ส.ส.กรุงเทพฯ -อดีต ส.ส.กทม.-ส.ก.และ ส.ข.ของเพื่อไทย เมื่อวันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเดิมน่าจะได้ข้อยุติแล้ว เพราะมีการนัดคุยกัน 3 ฝ่าย คือ ยิ่งลักษณ์-สุดารัตน์-ภูมิธรรม ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย และวันดังกล่าวแท้จริงแล้ว “เจ๊หน่อย” คิดจะแถลงกลางที่ประชุมแล้วว่า ไม่พร้อมลงสมัคร เพื่อจะได้ตัดปัญหาทั้งหมด โดยเฉพาะข่าวความขัดแย้งในพรรค
ครั้นถึงเวลา ยิ่งลักษณ์ติดภารกิจไม่ได้เข้าประชุม คุยกันไปมา ผล “วงแตก” หาข้อยุติไม่ได้ เพราะยังมีการเสนอชื่อคุณหญิงสุดารัตน์ให้พรรคส่งลงสมัคร แม้เจ้าตัวต้องการตัดปัญหาไม่ขอลงสมัคร แต่ลูกน้องยังจะดันลูกพี่ลงให้ได้ แต่ไร้เสียงตอบรับจากภูมิธรรม
พวกสายเจ๊หน่อยบางคนก็เลยวอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุม หลังคนในพรรคบางส่วนอ้างคนที่พรรคจะส่ง คือ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ การหาเสียงเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ทั้งแคมเปญหาเสียง-การวางแผนโฆษณาหาเสียง
ไม่ใช่คุณหญิงสุดารัตน์ ที่แม้จะออกตัวว่ายังไม่พร้อมมาตลอด แต่ก็ได้ลูกยุจากลูกทีมว่า คนที่จะชนกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร แล้วชนะ ได้มีแค่เธอคนเดียว ถึงขั้นมีข่าวก่อนหน้านี้ว่า พวกกลุ่มกรุงเทพฯ ส่งตัวแทนไปบอกข้อเสนอนี้ให้ทักษิณ รับฟังที่ต่างประเทศมาแล้ว
ส่งผลให้ระยะหลัง คนในกลุ่มเจ๊หน่อยเอง ที่ไปสร้างกระแสว่าคุณหญิงสุดารัตน์สนใจจะลงแก้มือในสนาม กทม.อีกครั้งหลังก่อนหน้านี้เคยแพ้ให้กับสมัคร สุนทรเวช เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว
ยิ่งผลโพลล่าสุด เมื่อ 13 ธ.ค. ก่อนหน้าวันประชุมเมื่อ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมาแค่วันเดียว ทางกรุงเทพโพลล์ ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความเห็นคนกรุงเทพฯ จำนวนหนึ่งพบว่าคะแนนของคุณหญิงสุดารัตน์ออกมาสูสี มีลุ้นเบียดชนะ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ได้ไม่ยาก เพราะพบว่าคนกรุงเทพฯ ร้อยละ 51.7 ระบุว่าในภาพรวมยังไม่เห็นผลงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
และเมื่อถามว่า หากมีผู้สมัครตามรายชื่อต่อไปนี้ จะเลือกใครเป็นผู้ว่าฯ กทม. อันดับแรก คือ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ร้อยละ 26.1 รองลงมาคือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 26.0 และพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ร้อยละ 12.5 ขณะที่ร้อยละ 17.4 ยังไม่ตัดสินใจ
คะแนนที่เป็นรองแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ ในทางการเมืองถือว่าชนะได้ไม่ยาก และในทางการเมือง ก็ต้องยอมรับว่าภาพรวมคะแนนนิยมของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ในความเห็นคน กทม. อาการไม่ค่อยดี เป็นเรื่องจริงแน่นอน นั่นย่อมทำให้โอกาสที่เพื่อไทยจะชนะเหนือประชาธิปัตย์ และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์มีแน่นอน
ปัจจัยเหล่านี้ทำให้กลุ่ม กทม.เพื่อไทยสายเจ๊หน่อย มีแรงฮึดจะหามลูกพี่ลงมากรำศึกอีกครั้ง แต่เมื่อผลออกมา ผู้ใหญ่ในพรรคทั้งซื้อเวลา ทั้งอ้างเงื่อนไขสารพัด ในการไม่ดันคุณหญิงสุดารัตน์ ลงสมัคร ผลก็เลยเป็นอย่างที่เห็น
คราวนี้เพื่อไทยไม่แตก แต่ก็ร้าว