รมว.กต.เขมร พบ “ยิ่งลักษณ์” ในโอกาสบินถกความร่วมมือระหว่างไทย นายกฯ ยินดีเขมรเป็นเจ้าภาพประชุมอาเซียน พร้อมเตรียมคุยพัฒนาการสัญจร 2 ประเทศ และหนุนการท่องเที่ยวรวมไปถึงการค้า แย้มมีเปิดจุดผ่านแดนเพิ่ม ตั้งเป้าขยายตัวการค้าร้อยละ 30 ถึงปี 58
วันนี้ (26 ธ.ค.) ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา เข้าเยี่ยมคารวะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในโอกาสการเยือนเพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 8 ระหว่างวันที่ 25-26 ธันวาคม 2555 ณ กรุงเทพมหานคร
นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา ในโอกาสที่มาเยือนไทยอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเข้าร่วมประชุม JC ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 8 พร้อมกันนี้ได้แสดงความยินดีกับกัมพูชาที่ประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมอาเซียนตลอดปีนี้ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือในกรอบต่างๆ เพื่อก้าวอย่างมั่นคงไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียน
นายกฯ กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมครั้งนี้ทราบว่าทั้งสองฝ่ายจะได้หารือเกี่ยวกับโครงการ connectivity ซึ่งไทยพร้อมจะเร่งการพัฒนาความเชื่อมโยงทางกายภาพ เช่น ถนน ทางรถไฟ สะพาน จุดผ่านแดน และในเชิงกฎระเบียบและการบริหารจัดการการสัญจรข้ามแดน ภายใต้โครงการต่างๆ เช่น การปรับปรุงผิวถนนหมายเลข 48 การก่อสร้างด่านสตึงบท และถนนเชื่อมระหว่างด่านสตึงบทกับถนนหมายเลข 5 ของกัมพูชา การก่อสร้างสะพานรถไฟคลองลึก-ปอยเปต เป็นต้น รวมทั้งการประกาศ ใช้ ACMECS Single Visa ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการอำนวยความสะดวกและส่งเสริมการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ ตลอดจนประเทศต่างๆ ในภูมิภาค โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อว่า connectivity จะช่วยอำนวยความสะดวกในด้านการค้า การท่องเที่ยว ของไทยและกัมพูชา ซึ่งทางกัมพูชาได้สนับสนุนแนวทางดังกล่าวด้วยการเร่งผลักดันให้มีการเปิดจุดผ่านแดนถาวรเพิ่มเติมอีกด้วย
นอกจากนี้ ไทยและกัมพูชาเห็นพ้องที่จะเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างกัน โดยทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าหมายอัตราการขยายตัวของการค้าร้อยละ 30 ต่อปี ในช่วงปี 2555-2558 ทั้งนี้ได้มีการหารือแนวทางการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-กัมพูชาอย่างไม่เป็นทางการ (Joint Cabinet Retreat) ภายในครึ่งปีแรกของปี 2556 เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นและผลักดันประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน