xs
xsm
sm
md
lg

ขี้ข้า-ละครการเมือง เรื่องเศร้าของคนเสื้อแดง!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

ถ้าใครทนดูละครที่โบนันซ่า เขาใหญ่ เมื่อวันก่อน ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ถือว่ามีความอดทนพอใช้ได้ เพราะนั่นคือละครน้ำเน่าที่จงใจแสดงกันเพื่อหลอกให้แฟนๆ ได้อินไปกับบทบาทเท่านั้น ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วมันคนละเรื่อง

รู้สึกสมเพชที่พระเอกในละคร แต่ในชีวิตจริงเป็นได้แค่ “ขี้ข้า” ที่ไปไหนไม่รอด ขณะที่อีกฝ่ายก็ทำหน้าที่เขียนบทให้เล่นไปตามที่ตัวเองต้องการ

ใช่แล้ว กำลังพูดถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดง ที่มีการประกาศปฏิญญาโบนันซ่าของแกนนำคนเสื้อแดงอย่างโก้หรู ส่งเสียงเข้มแกมบังคับไปถึงรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยว่าจะต้องเดินหน้าโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อนำไปสู่การยกร่างใหม่ทั้งฉบับ ให้ยอมรับขอบเขตอำนาจของศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะคดีสลายการชุมนุมปี 52-53 และนิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำผิดในคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมดังกล่าว

ประกาศอย่างขึงขัง แข็งกร้าว จากหัวโจกใหญ่อย่าง ธิดา ถาวรเศรษฐ์ เรียกเสียงปรบมือจากมวลชนดังเกรียวกราว

ส่วน จตุพร พรหมพันธุ์ ก็ห้าวไม่แพ้กัน ให้รัฐบาลเลือกเอาว่าจะ “เข้าไอซียู” หรือไม่ และเตือนสติ ทักษิณ ชินวัตร อย่าทำสงครามที่ไม่มีวันชนะ (คือการทำประชามติ) อย่าแพ้ซ้ำซาก นี่ก็ได้รับเสียงปรบมือข้างล่างเวทีเกรียวกราวไม่แพ้กัน

แต่อนิจจา หลังจากนั้นผ่านไปไม่กี่นาทีเหมือนหนังคนละม้วน เมื่อ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร โผล่หน้าเหลี่ยมๆ ออกมาประกาศไม่เอาโหวตวาระ 3 อ้างว่าเป็นไปได้ยาก และให้เดินหน้าทำประชามติก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยกล่าวสวนทางไปว่าเป็น “เรื่องหมูๆ”

ทำให้ จตุพร ที่ก่อนหน้านั้นขึงขัง เกรี้ยวกราด ได้ยินถึงกับ “หัวเราะเรี่ยราด” แม้ไม่ได้เห็นภาพโคลสอัพให้เห็นบนเวที แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าคงหน้าเจื่อน สภาพไม่ต่างจาก “ขี้ข้าไม่มีราคา”

อย่างไรก็ดี แม้ว่าคนภายนอกที่ติดตามเหตุการณ์มาอย่างต่อเนื่องรับรู้สถานะกันมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่บางทีก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่า คนอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ถึงกับไม่รักษาน้ำใจรักษาหน้าบรรดาขี้ข้าที่จะว่าไปแล้วคอยรับใช้ถวายชีวิตมานาน และหากไม่ปฏิเสธความจริงก็ต้องบอกว่าคนพวกนี้แหละที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้ครอบครัวของ ทักษิณ กลับมามีอำนาจอีกรอบ

แต่ก็นั่นแหละในเมื่อมองเห็นอีกฝ่ายเป็นแค่ลูกน้อง และคนพวกนั้นก็ยอมรับว่าเป็นขี้ข้า เมื่อเป็นแบบนี้ก็อย่าได้แปลกใจที่จะยอมให้ถูกกระทำย่ำยีทุกรูปแบบ โดยไม่ปริปากบ่น แต่อีกทางหนึ่งก็ต้องยอมรับความจริงว่าบรรดาขี้ข้าดังกล่าวล้วนแล้วแต่ไปไหนไม่รอด และที่ผ่านมาก็มีแต่เสียงนินทาว่าเป็น “ท่อน้ำเลี้ยง” ให้ตลอดเวลา อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนฐานะจนเปลี่ยนเป็นคนละคน

เพราะฉะนั้นความหมายที่ จตุพร พรหมพันธุ์ บอกว่าเป็นการเตือนในฐานะ “มิตรต่อมิตร” นั้นในความเป็นจริงนั้นยังห่างไกลความจริงจนแทบเป็นไปไม่ได้เลย

หันมาทางด้านมวลชนคนเสื้อแดงกันบ้าง นาทีนี้คงได้แต่สับสนไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหน จะเชื่อแกนนำก็เป็นไปไม่ได้อีก ครั้นจะเชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ที่ถือว่าเป็น “นายใหญ่” ก็ยังลำบากใจ เพราะที่ผ่านมาบรรดาแกนนำพวกนั้นยุยงให้เชื่อมาอย่างสุดลิ่ม อีกทั้งเมื่อครั้งที่เสนอให้มีการแก้ไขมาตรา 291 ในตอนแรกเป้าหมายก็คือต้องโหวตในสภา เพื่อยกร่างใหม่ทั้งฉบับ และก็ต้องเชื่อว่า ทักษิณ ก็ต้องไฟเขียวให้ทำแบบนั้น แต่มาวันนี้กลับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่รู้จะเอาอย่างไรกันแน่ ความรู้สึกคงกระอักกระอ่วนน่าดู

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากสภาพความจริงนี่แหละคือ “ละครการเมือง” ตามที่ จตุพร พรหมพันธุ์ เคยฟูมฟายเอาไว้ก่อนหน้านี้เมื่อครั้งที่ตัวเองพลาดหวังเก้าอี้รัฐมนตรี ไม่ได้เป็นอำมาตย์อย่างที่ฝันเอาไว้ และก่อนหน้านั้นหากจำกันได้คนที่ทำให้เขาเคลิ้มฝันอยู่นานก็คือ ทักษิณ นั่นแหละ

อ้อ เกือบลืมไปว่ามีลักษณะบรรยากาศแบบเดียวกัน คือ เป็นวิดีโอลิงก์เข้ามาในเวทีชุมนุมคนเสื้อแดงที่เดียวกัน คือ ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ นี่แหละ คราวนั้นทักษิณประกาศให้ทราบทั่วกันว่า จตุพร น้องรักเหมาะที่จะเป็นรัฐมนตรีที่สุดในบรรดาคนเสื้อแดง ล่าสุดก็หักหน้าประจานจนหมดราคา อย่างที่เห็น

นี่ยังไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องความเป็นไปได้สำหรับการทำประชามติ เพราะในความเป็นจริง หากเป็นไปตามกฎหมายประชามติรับรองว่ามันคง “ไม่หมู” อย่างที่ ทักษิณ โม้เอาไว้ เพราะต้องใช้เสียงถึง 24 ล้านเสียง เหมือนกับที่จตุพร ว่าไว้นั่นแหละน่าจะถูกต้องที่สุด นอกเหนือจากใช้วิธีประชามติแบบปาหี่ “เหลี่ยมจัด” ตั้งคำถามแบบมั่วซั่ว ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นก็อย่าทำดีกว่า เพราะในที่สุดแล้วมันจะเกิดความวุ่นวายตั้งแต่เริ่มต้น และคนที่ซวยไม่ใช่ใครอื่นก็เป็นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของตัวเอง

ดังนั้น หากพิจารณาจากสภาพที่เป็นอยู่และคาดการณ์ไปถึงอนาคตมันก็สะท้อนให้เห็นว่า ทั้งแกนนำคนเสื้อแดง และทักษิณ ชินวัตร ล้วนแล้วแต่หลอกต้มคนเสื้อแดง ที่ยอมตาย ยอมเจ็บทำทุกอย่างเพื่อเป็น “นั่งร้าน” ให้เหยียบย่ำไปข้างหน้าตลอดเวลา และเชื่อว่าจะเป็นแบบนี้ต่อไป เพราะทั้งคนที่หลอกก็หลอกต่อไป ส่วนอีกฝ่ายคือ “คนเสื้อแดง” ก็ยอมรับชะตากรรมเรื่อยไป!!
กำลังโหลดความคิดเห็น