เกาะกระแส
00 จนถึงเวลานี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลและพรรคเพื่อไทยจะเอาอย่างไรกันแน่สำหรับการแก้ไข รธน.จะทำประชามติก่อนแล้วแก้ไขทั้งฉบับหรือว่ารายมาตรา แม้ว่าจะมีการนัดถกพรรคร่วมรัฐบาลกันอีกรอบในวันจันทร์ที่ 24 ธ.ค.เพื่อหาข้อสรุปว่าจะเดินหน้าแบบไหน แต่เท่าที่พิจารณาจากความเป็นไปได้ทุกทางแล้วถือว่า “หิน” ทั้งสิ้น
00เพราะอย่างที่มีการพูดถึงกันมาหลายรอบแล้วว่าทั้งในแง่กม.ทั้งในเรื่องการลงประชามติที่ต้องฝ่าด่านสุดหินหลายด่าน ไหนจะเรื่องถูกยื่นตีความอีกสารพัด และที่สำคัญถ้าประชามติไม่ผ่านรัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบ เพราะเป็นโต้โผถูกด่าเรื่องผลาญงบกว่า 2 พันล้านสารพัดที่ต้องเจอ อย่างไรก็ดีในที่สุดเชื่อว่าพรรคร่วมจะเลือกการ “ลงประชามติ” ส่วนจะตั้งคำถามแบบไหนต้องมาลุ้นอีกที
00ที่ผ่านมายอมรับกันว่าในรัฐบาลด้วยกันยังไม่มีเอกภาพยังมีความเห็นขัดแย้งกันอย่างชัดเจน เท่าที่เห็นก็มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯที่ไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติ โดยยกเหตุผลเรื่องความเสี่ยงดังกล่าว ขณะเดียวกันบทบาทในรัฐบาลก็เริ่มลดลงมาอยู่ที่ วราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่เริ่มกลายเป็นมือไม้ในการเคลื่อนไหวประสานงานแทบทุกเรื่อง กลายเป็นว่าเริ่มเห็นภาพ “ก๊กก๊วน” ภายในขึ้นมาอย่างชัดเจน
00แต่ที่น่าจับตาอย่างยิ่งก็คือบทบาทของ “คนข้างกาย” นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่นับวันเริ่มโดดเด่นกลายเป็นผู้กำหนดทิศทางของนายกฯและรัฐบาลมากขึ้นทุกที และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องเป็น “สุรนันทน์ เวชชาชีวะ” เลขาธิการนายกฯ ว่ากันว่าในด้านยุทธศาสตร์ทางการเมือง ในการรับมือกับสื่อ รวมทั้งประเด็นในการให้สัมภาษณ์ กำหนดการต่างๆล้วนแล้วแต่ต้องผ่านการกลั่นกรองจากเขาทั้งสิ้น ซึ่งรวมทั้งท่าทีของ นายกฯในเรื่องการแก้ไขรธน.ที่ต้องทำประชามติก่อนการแก้ไข
00อีกคนที่ต้องบอกว่า “เหนียวหนึบ” ยิ่งกว่าตุ๊กแกก็คือ “เสี่ยโต้ง” กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและ รมว.คลัง ที่แม้ว่าผ่านมากว่าปีเจอแรงกดดันให้พ้นจากเก้าอี้อยู่ตลอดเวลา แต่ในเมื่อ นายกฯยิ่งลักษณ์ ยังไม่โอเคก็ไม่มีทางสะเทือน อีกทั้งที่ผ่านมายังใช้ความใกล้ชิดส่วนตัวกับสานสัมพันธ์กับ “ป๋า” ทำให้ในเบื้องลึกบรรยากาศเริ่มกลับมาราบรื่น “เริ่มจูนคลื่น” กันติดมากขึ้น
00หลายคนบอกว่ายิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ทำให้ นายกฯยิ่งลักษณ์ มีสิทธิ์เคลิ้มได้เหมือนกันว่าตัวเธอนี่แหละที่เป็นคนประคับประคองสถานการณ์ “ค้ำยัน”อำนาจให้กับครอบครัวชินวัตร หรือแม้แต่ ทักษิณ ชินวัตร ด้วย หากสังเกตให้ดีจะพบว่าในระยะหลังเริ่มมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ที่สำคัญเริ่มสนุกกับการนั่งเก้าอี้ผู้นำมากขึ้นเรื่อยๆ ไปไหนมีแต่คน “พินอบพิเทา”เป็นใครก็ต้องเคลิ้มเป็นธรรมดา
00 นอกเหนือจากนี้อีกมุมหนึ่งที่หลายคนมองว่าสาเหตุที่ทำให้ทีมงาน ยิ่งลักษณ์ เสนอความเห็นจนเธอคล้อยตามก็คือ “จะไปเสี่ยงทำไม” รู้อยู่แล้วว่าเมื่อเริ่มเคลื่อนไหวแก้ไข รธน.เมื่อไหร่มันก็เริ่มเข้าสู่ความเสี่ยงเมื่อนั้น และมีโอกาสที่จะพังพาบได้ทุกเมื่อ สู้อยู่ไปอย่างนี้เรื่อยๆ สารพัดโครงการกำลังทยอยออกมาในปีหน้า จะไปกระเพื่อมให้เกิดความปัญหาทำไม และด้วยเหตุนี้แหละคือคำตอบว่าทำไมต้องยื้อออกไป เพราะการแก้ไขรธน.ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดและเสี่ยงที่สุด และที่เข้าใจได้ก็คือสถานการณ์เริ่มเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือผลงานของรัฐบาล “ไม่น่าประทับใจ” แล้วจะไปหาเรื่องใส่ตัวทำไม ใช่มั๊ย ปู !!
00 การโฟนอินเข้ามาหาคนเสื้อแดงที่ชุมนุมกันที่เขาใหญ่เมื่อคำวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมาส่งสัญญาณยื้อแก้ไขรธน.อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการสนับสนุนการทำประชามติแทนที่จะให้เดินหน้าลงมติวาระ 3 โดยอ้างว่าผ่านยาก แต่แท้ที่จริงแล้วกลัวว่าน้องสาวตัวเองจะเจ๊งล้มคว่ำทั้งครอบครัวมากกว่าเพราะเสี่ยงต่อการทำผิดกม.ทั้งระหว่างโหวตและหลังโหวต เพราะนายกฯต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯตามกำหนด ถ้าไม่โปรดเกล้าฯลงมาหรือมีผู้ร้องศาลมันก็เอาคอพาดเขียง แต่ถ้าลงประชามติก็ต้องใช้เวลาอีกนานโข ประเด็นก็คืองานนี้ซื้อเวลา “หากิน” กับอำนาจที่เป็นอยู่ให้เต็มคราบไปก่อน และสำหรับแก้ รธน.ก็อาจเป็นไปได้ที่จะแก้ไขรายมาตรา โดยเฉพาะ ม.309 มาตราเดียว แต่ก็นั่นแหละเปิดมาเมื่อไหร่ชาวบ้านเขารู้ทันวันยังค่ำ ยากอยู่ดี !!