xs
xsm
sm
md
lg

รอง ผบ.ตร.อ้างใช้แก๊สน้ำตาม็อบ “เสธ.อ้าย” เป็นไปตามหลักการยูเอ็น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา
รอง ผบ.ตร.แจงอนุ กมธ.ตรวจสอบ จนท.ทำร้ายสื่อและประชาชนฯ เหตุการณ์ชุมนุมองค์การพิทักษ์สยาม ยันถูกรุกพื้นที่ก่อน อ้างใช้แก๊สน้ำตายิงใสเป็นไปตามหลักการของสหประชาชาติ ส่วนที่ช่างภาพสื่อมวลชนถูกตำรวจทำร้ายยังไม่รู้เป็นใคร กำลังตั้ง กก.สอบสวนอยู่

ที่ห้อง 311 อาคารรัฐสภา 2 วันนี้ (21 ธ.ค.) มีการประชุมคณะอนุกรรมาธิการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐทำร้ายสื่อมวลชนและประชาชนในการชุมนุมเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ของวุฒิสภาที่ผ่านมา ที่มีนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา เป็นประธาน โดยได้เชิญ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ร่วมชี้แจง แต่เนื่องจากติดภารกิจจึงได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.เข้าชี้แจงแทน ซึ่งทาง กมธ.พยายามซักถามถึงประเด็นมาตรการควบคุมฝูงชนในขณะที่เผชิญหน้ากับผู้ชุมนุมม็อบ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ และกรณีช่วงชุลมุนจนช่างภาพสื่อมวลชน 3 ราย ถูกควบคุมตัวและถูกทำร้ายร่างกาย

พล.ต.อ.วรพงษ์ชี้แจงว่า เหตุการณ์เริ่มปะทะความรุนแรงตั้งแต่เวลา 07.00 น. โดยผู้ชุมนุมประมาณ 600-700 คนพยายามเข้ามาบริเวณสะพานมัฆวานฯ และฝ่าเข้ามายังบริเวณลวดหนาม และแบริเออร์หรือแท่งปูน พร้อมเตรียมคีมตัดลวดหนามที่กั้นไว้ ก่อนจะเริ่มทำลายชั้นแบริเออร์โดยรถ 6 ล้อ และเริ่มทับขาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเลยขั้นปะทะแบบซึ่งหน้าแล้ว จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตาแบบวงกว้าง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ไม่มีหน้ากากป้องกัน ทำให้ต่างๆ ฝ่ายร่นถอยออกไป อย่างไรก็ดี ก่อนการยิงแก๊สน้ำตาเราได้ประสานกับผู้บังคับบัญชาและ พล.อ.บุญเลิศเป็นระยะว่าผู้ชุมนุมเริ่มละเมิดกฎหมาย แต่ก็ได้รับคำตอบว่า “ถ้าไม่เปิดทาง ช่วงบ่ายเจอกัน แซนด์วิชแน่นอน” เช่นนี้จะเรียกว่าเป็นการชุมนุมโดยปราศจากอาวุธหรือไม่

พล.ต.อ.วรพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการรักษาความสงบและความปลอดภัยนั้น ก่อนที่จะมีการยิงแก๊สน้ำตาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตือนและขอร้องผู้ชุมนุม แต่ผู้ชุมนุมกลับบุกรุกเข้ามาในฐานที่ตั้งของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ตำรวจทำอย่างไร “ขอความเป็นธรรมจริงๆ ถ้าบ้านเมืองนี้ตำรวจรักษากฎหมายไม่ได้จะอยู่อย่างไร”

ทั้งนี้ ที่ไม่เปิดทางให้ผู้ชุมนุมผ่านไปยังบริเวณสะพานมัฆวานฯ เพราะเป็นเรื่องของยุทธวิธีป้องกันรักษาความปลอดภัยในสถานที่ราชการ คือ ทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภา เพราะเราเคยมีบทเรียนมาแล้ว อีกอย่างเราก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน ดังนั้น หลักการรักษาความปลอดภัยจึงต้องทำเกิน 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว เพราะเหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตน

นอกจากนี้ จริงๆ แล้วตามหลักสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เมื่อผู้ชุมนุมเข้าใกล้แบริเออร์ที่ถือว่าละเมิดกฎหมายแล้ว สามารถยิงแก๊สน้ำตาได้ทันที แต่สังคมไทยเรายังไม่ยอมรับหลักสากล อีกทั้งก่อนจะยิงแก๊สน้ำตาตนก็ได้มีการแถลงเตือนก่อนแล้วเช่นกัน โดยไม่ได้ใช้แก๊สน้ำตาจริง แต่เป็นแก๊สน้ำตาแบบเผาไหม้เน้นกระจายควันมากกว่า

ส่วนกรณีที่ช่างภาพสื่อมวลชนที่ถูกทำร้ายร่างกาย พล.ต.อ.วรพงษ์กล่าวยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เคยสั่งการในลักษณะเช่นนี้ รวมถึงหากเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับปฏิบัติการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งตามที่ได้อบรมมาก็จะลงโทษตามวินัย ซึ่งในกรณีที่เกิดขึ้นขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจคนใดเป็นผู้ทำร้ายร่างกายช่างภาพดังกล่าว แต่ก็ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้แล้ว










กำลังโหลดความคิดเห็น