xs
xsm
sm
md
lg

“เหลิม” หวั่นเสียเหลี่ยม ปัดค้านประชามติเหตุงดร่วม ครม. - มั่นใจ “ราเมศ” ถูกลอบกัดไม่เอี่ยวการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี(แฟ้มภาพ)
“เฉลิม อยู่บางบอน” อ้างป่วยเหตุโดดประชุม ครม. ปัดค้านประชามติ แต่รับผ่านยากกลัว พท.พลาดพลั้งฝ่ายตรงข้าม รับเหนื่อยเดินสายเชิญชวนสาวกอีสาน ย้ำต้องใช้เสียงกึ่งของผู้มีสิทธิลงคะแนน ไม่ใช้เสียงจากผู้ใช้สิทธิแบบ “เต้น-วราเทพ” แนะ ยังงดตอบแก้รายมาตรา ลั่นไม่ขี้งอน เย้ย ปชป.หนุน รธน.รัฐประหาร-เชื่อมือ กม.ปชป.ถูกลอบทำร้ายไม่เกี่ยวการเมือง รอความคืบหน้าคดี-เผยถกทูตมาเลย์ ยันไม่เอี่ยวโจรใต้ เล็งบินเข้าเพื่อนบ้าน จชต.คุยดับไฟใต้

วันนี้ (18 ธ.ค.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ไม่เข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ว่าไม่สบาย ไม่ใช่อย่างที่หลายฝ่ายมองกันว่าไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติ ซึ่งรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยมีความคิดเห็นอย่างไรตนก็เห็นตาม แต่ตนต้องพูดถึงความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ ซึ่งตนดูตัวเลขแล้วว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 48 ล้านคน มีเศษกว่า 3 แสนนั้นจะต้องได้คะแนนเสียงอย่างน้อย 24 ล้านเสียง เป็นเรื่องยาก ตนเล่นการเมืองมา 30 ปีแล้วจะไปวิเคราะห์การเมืองบนพื้นฐานที่เป็นไปไม่ได้ ถือว่าเสียเหลี่ยมทางการเมือง ซึ่งการเอาอกเอาใจกันนั้นทำได้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง

เมื่อถามว่า เหตุใดจึงคิดว่าคะแนนเสียงจะได้มายากในเมื่อประชาชนก็เห็นด้วยต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เป็นเรื่องยาก เพราะพรรคประชาธิปัตย์ก็ประกาศว่าไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย ต้องมีการรณรงค์ ซึ่งก็พอมีโอกาสแต่เป็นไปได้แต่ยากและสุดท้ายตนก็ต้องเหนื่อยด้วย เพราะเคยประกาศไว้ว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญและตนต้องไปเปิดเวทีปราศรัยแถบภาคอีสาน เช่น อุดรธานี หนองคาย ศรีสะเกษ สุรินทร์ อำนาจเจริญ นครพนมและยโสธร ซึ่งล้วนเป็นจังหวัดที่ตนได้รับความนิยมทั้งสิ้น

นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิมยังย้ำว่า การแก้กฎหมายเฉพาะนั้นจะต้องใช้เสียงกึ่งของผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียง ไม่ใช่เสียงกึ่งหนึ่งของผู้ที่มาใช้สิทธิ เพราะถ้าเป็นกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ รัฐบาลต้องชนะล้านเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว

เมื่อถามว่าทำไมไม่เตือนพรรคเพื่อไทยว่าเรื่องดังกล่าวถ้าไม่สำเร็จจะเป็นการเสียเหลี่ยมและเป็นจุดอ่อนให้ฝ่ายค้านโจมตีได้ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนเตือนไม่ได้เพราะเป็นพรรคใหญ่ แต่ตนก็ได้มีการแสดงความเห็นเป็นระยะมาตั้งแต่ต้น อย่างไรก็ตาม การที่พรรคและมี ส.ส.บางส่วนในพรรค อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และนายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ยังคงยืนยันว่าใช้เสียงกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งนั้น ตนไม่ขอออกความเห็น เพราะจะทำให้ทะเลาะกัน แต่ตนฟันธงว่าเป็นเสียงกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ

เมื่อถามว่ามุมมองเรื่องการตีความของกฎหมายยังมีความแตกต่างกัน ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า สุดท้ายถ้าไปเอาตามความคิดก็จะต้องถูกส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความก็เรียบร้อย ทั้งนี้เห็นว่าหากการทำประชามติไม่ผ่าน รัฐบาลก็ไม่เสียหายเพราะรัฐบาลตั้งใจทำแล้ว และนายกรัฐมนตรีก็ได้กล่าวไว้เช่นนั้นแล้วจะคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ พร้อมทั้งปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราเนื่องจากกลัวถูกตำหนิ

เมื่อถามว่ากรณีที่ไม่เข้าร่วมประชุม ครม.กลัวจะถูกมองว่าไม่เห็นด้วยต่อการทำประชามติ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่สบายจริงๆ เจ็บคออยู่ ตนไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย ไม่สบายมา 2 อาทิตย์แล้ว ตนเป็นนายตำรวจไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย เป็นนายตำรวจกองปราบฯ ด้วย บึกบึน รุกรบ ห้าวหาญ

เมื่อถามว่าหลายฝ่ายในพรรค ปชป.แสดงความคิดเห็นเรื่องอยากให้มีการล้มประชามติ แสดงว่ามีผลต่อคะแนนเสียงของประชาชน ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเห็นด้วยกับรัฐบาลได้อย่างไร เพราะเป็นฝ่ายตรงข้ามย่อมมีความเห็นต่างกันอยู่แล้ว และเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์อนุรักษ์รัฐธรรมนูญที่มาจากการปฏิวัติอยู่แล้ว

นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวถึงกรณีนายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะทีมกฎหมายพรรค ที่ถูกลอบทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสเมื่อคืน (17 ธ.ค.) ที่ผ่านมาว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ ตนไปยุ่งมากไม่ได้เพราะอาจถูกกล่าวหาว่าเข้าไปเกี่ยวข้องได้ ทั้งนี้คิดว่าไม่ใช่เรื่องของการเมือง ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้นจะต้องมีการวิเคราะห์อีกหลายอย่าง เพราะนายราเมศไม่ได้มีตำแหน่งอะไรมากมายในพรรค เป็นแค่รองโฆษกพรรค อย่างไรก็ตาม การพิจารณาคดีนั้นต้องพิจารณาในหลายๆ เรื่อง เช่น เรื่องส่วนตัว เรื่องธุรกิจ การเมือง และเรื่องชู้สาว

ส่วนเรื่องเหตุการณ์ทางภาคใต้ที่ยังรุนแรงอยู่ในขณะนี้นั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เมื่อวานนี้ (17 ธ.ค.) ได้นัดพบกับทูตมาเลเซียเพื่อให้ข้อมูลและหารือ ซึ่งได้รับการยืนยันว่าประเทศมาเลย์เซียไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุก่อการร้ายในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งในเร็วๆ นี้ตนจะเดินทางไปประเทศมาเลเซียเพื่อขอข้อมูลและความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น