“วราเทพ” โวย “อภิสิทธิ์” เรียกร้องไม่ให้ไปใช้สิทธิทำประชามติแก้ รธน. ส่อผิดกฎหมายนำไปสู่การยุบพรรค เหตุไม่ส่งเสริมประชามติ อ้างเฉยแก้ ม.309 หรือไม่ อยู่ที่ ส.ส.ร.
นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดทำประชามติเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ว่า ในวันที่ 18 ธ.ค. คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการพิจารณาเกี่ยวกับการจัดทำประชามติเรื่องแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เนื่องจาก พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ได้รวบรวมความเห็นจากทุกฝ่ายครบถ้วนแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตนได้อ่านข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Abhisit Vejjajiva” ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่รณรงค์ให้ประชาชนคว่ำประชามติในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้แล้วมีความเป็นห่วงว่าจะทำให้ประชาชนซึ่งเป็นผู้ที่ต้องการประชาธิปไตยเกิดความสับสนขึ้นได้ ซึ่งขณะนี้การดำเนินการของรัฐบาลอยู่ระหว่างขั้นตอนของการเสนอให้ ครม.เห็นชอบในหลักการ ส่วนเนื้อหาและประเด็นคงต้องรอดูผลออกมาก่อน ดังนั้น การที่นายอภิสิทธิ์ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นคัดค้านก่อนที่จะได้เห็นเนื้อหาของประกาศคิดว่าเป็นการค้านในวัตถุประสงค์ที่ไม่ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเลย ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนส่วนใหญ่อยากมีทางออก
นายวราเทพกล่าวว่า สิ่งที่นายอภิสิทธิ์เสนอเป็นเรื่องที่ขัดต่อระบอบประชาธิปไตย อย่างน้อยคือการไม่ส่งเสริมให้คนไปใช้สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นการไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือการไปใช้สิทธิออกเสียงลงประชามติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการพยายามที่จะใช้แง่มุมทางกฎหมายที่เปิดช่องอยู่ไม่ให้เป็นไปตามสิ่งที่ประชาชนต้องการ หากพรรคประชาธิปัตย์ต้องการที่จะไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วอยากฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างแท้จริงจะต้องรณรงค์ให้คนไปใช้สิทธิ และรณรงค์ให้คนไม่เห็นด้วยน่าจะถูกต้องมากกว่า
นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการยอมรับว่าจะพ่ายแพ้ในเรื่องของการเห็นชอบจึงพยายามไปรณรงค์คนที่จะไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งอยู่แล้ว ทั้งนี้โดยหลักทั่วไปคงเห็นว่าในจำนวนผู้มีสิทธิ 100 เปอร์เซ็นต์ จะมีส่วนหนึ่งประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ไม่มาใช้สิทธิอยู่แล้ว ฉะนั้นการนำเอาคนที่ไม่เห็นด้วยไปรวมกับคนที่ไม่ออกมาใช้สิทธิเพื่อที่จะเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่ง ตนคิดว่าเป็นการคิดทางการเมืองที่ชาญฉลาดของนายอภิสิทธิ์ที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องและนับไม่ได้ เพราะคนที่ไม่ออกมาใช้สิทธิเขาอาจจะมีความเห็นก็ได้ จะมาเหมารวมว่าคนที่ไม่ออกมาใช้สิทธิทั้งหมดจะไม่เห็นด้วย ตรงนี้คิดว่าตรรกะชัดอยู่แล้วว่ารวมกันไม่ได้
“ผมกำลังมองดูว่ากฎหมายการทำประชามติมีลักษณะคล้ายๆ กับกฎหมายการเลือกตั้ง การให้ข้อมูล การหลอกลวง การพยายามที่จะทำให้ประชาชนไม่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งอาจเป็นความผิด ซึ่งความผิดนี้นอกเหนือจากจะเป็นความผิดในเรื่องของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยออกเสียงประชามติแล้ว ยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.พรรคการเมือง เพราะการที่ไม่ส่งเสริมประชาธิปไตยอาจนำไปสู่เรื่องของการฟ้องร้องหรือนำไปสู่การยุบพรรคได้ แต่ขณะนี้ยังไม่คิดถึงตรงนั้นเพียงแต่อยากจะฝากข้อสังเกตเอาไว้ ฉะนั้นควรที่จะมาสู้กันในเรื่องของการให้คนมาใช้สิทธิ์และก็วัดผลของคนที่มาใช้สิทธิว่าจะเห็นด้วยหรือไม่”
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ระแวงว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 309 นายวราเทพกล่าวว่า เป็นเรื่องที่เขาพยายามให้ข้อมูลโน้มน้าวให้คนที่เห็นด้วยกับทางพรรคฝ่ายค้านมากกว่า เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญและยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีการทำเพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดที่จะต้องใช้กับคนทัวประเทศ ไม่สามารถที่จะเขียนในลักษณะที่เป็นการช่วยเหลือหรือให้คนได้ประโยชน์เฉพาะบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้มาตรา 309 จะอยู่หรือไม่ เนื้อหาจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ขึ้นอยู่ที่สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) และเมื่อ ส.ส.ร.ไปแก้แล้วก็อยู่ที่ประชาชนว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ในการทำประชามติครั้งที่สอง
ส่วนการคว่ำประชามติจะไม่ง่ายเหมือนกับการล้มการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2548 ใช่หรือไม่ นายวราเทพกล่าวว่า เชื่อว่าตอนที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งและล้มการเลือกตั้งครั้งนั้นเขาสามารถตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ครั้งนี้เขาจะทำด้วยการไม่ให้คนมาใช้สิทธิ ตนเชื่อว่าอาจจะมีประชาชนส่วนหนึ่งเข้าใจและหลงเชื่อ แต่ยังเชื่อมั่นว่าส่วนใหญ่จะไม่เห็นคล้อยตามอย่างแน่นอน และจะเป็นผลในทางที่เสียหายต่อพรรคประชาธิปัตย์ด้วยที่ไม่ส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนมาใช้สิทธิ อย่างไรก็ตาม คงต้องรอดูว่าหลังจากที่ผลของการประกาศประชามติแล้วท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์จะออกมาอย่างไร
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยเตรียมจะยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ นายวราเทพกล่าวว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น เพียงแต่ตั้งข้อสังเกตว่าการแสดงความเห็นในเรื่องนี้ชัดเจนว่าไม่ส่งเสริมประชาธิปไตยและไม่เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมาใช้สิทธิ ส่วนจะถึงขั้นนั้นหรือไม่คงต้องดูพัฒนาการของเรื่องนี้ก่อน
เมื่อถามว่า มองจุดยืนของฝ่ายค้านอย่างไร เนื่องจากเดิมทีเคยเรียกร้องให้ทำประชามติ นายวราเทพกล่าวว่า เราพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้มีทางออก แต่เราก็ไม่มั่นใจในท่าทีของฝ่ายค้านเลยเพราะดูเหมือนจะไม่มีเรื่องใดที่จะให้ความร่วมมือในการหาทางออกให้กับประเทศนี้ได้เลย ไม่แน่ใจเลยว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการอะไรกับในสิ่งที่จะเกิดขึ้นนอกเหนือจากการเห็นต่างจากรัฐบาลทุกเรื่อง