“อำมาตย์เต้น” เผย ยธ.ชงประชามติเข้า ครม.วันนี้ คาดได้ข้อสรุปเรื่องจำนวนผู้ออกเสียง หยันประชาธิปัตย์คิดให้ดีคว่ำโหวต จวกอย่าเอาแต่ชนะจนขาดสำนึกประชาธิปไตย ไล่บิ๊ก ปชป.เตือนสติ “อภิสิทธิ์” ขู่ทำจริงเจองานใหญ่ ปัดชำเราเพื่อคนคนเดียว
วันนี้ (18 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ทางกระทรวงยุติธรรมจะนำเรื่องการทำประชามติเข้าที่ประชุม จึงคาดว่าภายในวันนี้ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลน่าจะมีข้อสรุปให้ตรงกันในเรื่องตัวบทกฎหมายที่จะทำประชามติ หากจะได้รับเสียงสนับสนุนต้องมีผู้มาออกเสียงจำนวนเท่าไหร่กันแน่ เพราะหลายฝ่ายมีความเห็นต่างกัน เท่าที่ตนดูรัฐธรรมนูญมาตรา 165 ซึ่งบัญญัติเรื่องการทำประชามติ ระบุไว้ว่าจะต้องมีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิทั้งหมด และต้องมีคะแนนเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ที่มาใช้สิทธิ เช่น ประชาชนที่มีสิทธิออกเสียงจำนวน 46 ล้านคน ต้องมีผู้มาออกเสียงจำนวน 23 ล้านคน และจะต้องลงมติเห็นชอบจำนวน 11.5 ล้านคนจึงจะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศจุดยืนว่าจะคว่ำประชามตินั้น พรรคประชาธิปัตย์ต้องคำนึงถึงข้อกฎหมายเป็นสำคัญ เพราะมีตัวบทกฎหมายที่อนุญาตให้ทำหรือทำไม่ได้อยู่ ถ้าประชาธิปัตย์ทำแล้วขัดต่อกฎหมาย อาจทำให้มีผู้ไปยื่นร้องได้
“ประชาธิปัตย์ต้องคิดให้ดี อย่าคิดแต่จะเอาชนะโดยขาดจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อประชาธิปไตย อย่าไปคิดว่าตัวเองเคยบอยคอตการเลือกตั้งแล้วสุดท้ายนำไปสู่ทางตันการเมือง อย่าไปคิดว่าการบอยคอตประชามติแล้วจะมีปลายทางเดียวกัน เพราะประชาชนรู้เท่าทันหมด ทางที่ดีถ้าไม่เห็นด้วยก็ประกาศจุดยืนออกมาแล้วไปรณรงค์ทำความเข้าใจกับประชาชนให้ออกมาลงมติไม่เห็นด้วยน่าจะดีกว่า แต่ถ้าเชิญชวนให้คว่ำประชามติผมคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์น่าจะเจองานใหญ่ จริงๆ คนในพรรคน่าจะเตือนสตินายอภิสิทธิ์ เพราะหลังจากเป็นผู้ต้องหาในคดีสำคัญ ความคิดเห็นและการแสดงออกดูจะออกห่างจากความเป็นจริงทางการเมือง ถ้าไม่พยายามทำให้สตินายอภิสิทธิ์กลับเข้าที่เข้าทาง ประชาธิปัตย์จะเข้ารกเข้าพงไปกันใหญ่” นายณัฐวุฒิกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อคนคนเดียวอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหา นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะการทำประชามติเป็นการถามความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ การตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ก็มาจากการเลือกตั้งซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม เมื่อเสร็จแล้วก็มีการทำประชามติกันอีกรอบ กระบวนการทั้งหมดคือกระบวนการที่ให้ประชาชนเข้ามาตรวจสอบการยกร่างรัฐธรรมนูญ แต่การฉีกรัฐธรรมนูญปี 2540 โดยพรรคประชาธิปัตย์ แล้วร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ขึ้นมาใหม่เพื่อจัดการคนคนเดียวคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้นเคยมีมาแล้ว แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยสำนึกเพราะเขาได้ประโยชน์จากเรื่องนี้
