ปธ.คณะทำงานพรรคร่วมแก้ รธน.เผยมีมติ 5 ข้อ ยันรัฐสภามีอำนาจลงมติวาระ 3 ให้พรรคร่วมรณรงค์เห็นความจำเป็นในการแก้ไข รธน. อ้างให้เป็นของประชาชนแท้จริง เปิดช่อง ครม.ทำประชามติแต่ให้ทำเพื่อแก้ขัดแย้ง ไม่ต้องรับผิดชอบหากไม่ผ่าน เปิดช่องแก้เป็นรายมาตราควบคู่กันได้
วันนี้ (11 ธ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อเวลา 16.00 น. นายโภคิน พลกุล ประธานคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แถลงผลการจัดทำรายงานที่เตรียมนำเสนอต่อพรรคร่วมรัฐบาล โดยล่าสุดทางคณะทำงานฯ มีมติ 5 ข้อ โดยมีความคืบหน้าสำคัญ คือ ทางคณะทำงานเห็นร่วมกันว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) อาจจัดให้มีการออกเสียงประชามติก่อนเดินหน้าลงมติในวาระ 3 ได้ และหากจะแก้ไขรายมาตราควบคู่ไปด้วยก็สามารถกระทำได้เช่นกัน โดยนายโภคินแถลงหลักการ 5 ข้อ ประกอบด้วย (1. รัฐสภามีอำนาจและหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการลงมติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวาระ 3 (2. คณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลตระหนักดีว่าสังคมไทยยังมีความขัดแย้งกันอยู่มาก ดังนั้น การลงมติในวาระ 3 ควรพิจารณาใช้ช่วงจังหวะเวลาให้รอบคอบ และก่อนลงมติรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลควรรณรงค์ทำความเข้าใจให้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นความจำเป็นของการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย มีความชอบธรรม ยึดมั่นในหลักนิติธรรม เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนอย่างแท้จริง
(3. สำหรับการจัดทำประชามตินั้น เนื่องจากร่างรัฐธรรมนูญที่ค้างพิจารณาในวาระ 3 ได้มีการบัญญัติถึงเรื่องการลงประชามติไว้แล้วว่าเป็นการลงประชามติก่อนจะร่างเป็นกฎหมาย กล่าวคือ เมื่อสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญยกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วย่อมต้องจัดทำประชามติว่าเห็นชอบหรือไม่ ถ้าประชาชนเห็นชอบและทรงลงพระปรมาภิไธยแล้วก็จะเป็นกฎหมายใช้บังคับต่อไป เช่นเดียวกับการลงประชามติเห็นชอบในร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ถ้าประชาชนไม่เห็นชอบก็ตกไป ดังนั้นการทำประชามติเมื่อรัฐธรรมนูญร่างเสร็จแล้ว จึงเป็นสิ่งที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและสอดคล้องกับคำแนะนำของศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ในกรณีที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องประสงค์มิให้เกิดข้อโต้แย้งคัดค้านทั้งปวง ครม.อาจจัดให้มีการออกเสียงประชามติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 165 ได้ แต่ต้องทำความเข้าใจกับสังคมให้ชัดเจนว่าเป็นเรื่องการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และความปรารถนาดี ไม่ใช่ประเด็นให้มาเรียกร้องความรับผิดชอบของ ครม.หากประชามติไม่ผ่าน หรือสมาชิกรัฐสภาอาจเสนอให้มีกฎหมายเฉพาะให้ออกเสียงประชามติในเรื่องนี้ หรือ แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 165 เพิ่มเติมการทำประชามติกรณีมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เข้าไป แต่ต้องทำความเข้าใจต่อสังคมเช่นเดียวกัน ทั้งต้องอธิบายให้ชัดเจนด้วยว่า ไม่ใช่การถ่วงเวลา แต่เป็นความรอบคอบ โดยจะเร่งรัดดำเนินการไปพร้อมๆ กับการรณรงค์ทำความเข้าใจ
นายโภคินกล่าวต่อว่า (4. ในระหว่างนี้หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราควบคู่กันไปด้วยก็สามารถกระทำได้ โดยสมควรที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันก่อน เช่น มาตรา 237 และมาตราอื่นๆ ที่ขัดต่อหลักประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม และ (5. ส่วนกรณีที่ว่าหากมีการลงมติในวาระ 3 แล้วและยังคงมีการฟ้องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญอีกหรือไม่ หรือจะมีกระบวนการต่อต้านในรูปแบบต่างๆ อีกหรือไม่ เห็นว่าโดยบริบทของสังคมปัจจุบันซึ่งยังคงมีความแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันอยู่ คงไม่มีหลักประกันใดๆ ว่าจะไม่มีเหตุเช่นนั้น แต่รัฐสภาและรัฐบาลต้องทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นหลักในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขต่อไป คาดว่าจะสามารถส่งรายงานฉบับสมบูรณ์ความยาวประมาณ 50 หน้าให้เเก่พรรคร่วมรัฐบาลได้ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ หลังจากตรวจเเก้เเล้วเสร็จ เเละจะจัดทำเป็นรูปเล่มเผยเเพร่เป็นทางการในสัปดาห์หน้า