อธิบดีดีเอสไอแถลงโต้ “อภิสิทธิ์-สุเทพ” อ้างรองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษเซ็นชื่อด้วย ทำเหนียมให้เกียรติอดีตนายกฯ เต็มที่ ลั่นไม่ลาออกจากพนักงานสอบสวน โวพร้อมรับผิดชอบ ด้านโฆษก ปชป.กังขาทำคดีรวบรัดหวังดิสเครดิต แฉมือปล่อยภาพพิมพ์มือเป็นคนดีเอสไอ เพื่อนร่วมรุ่น “ทวี” เลขาฯ ศอ.บต. เชื่อถูกส่งตรง “ทักษิณ” หวังปูนบำเหน็จ จี้รับผิดชอบ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "นายธาริต เพ็งดิษฐ์" แถลงข่าว
วันนี้ (14 ธ.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อเวลา 11.00 น. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงข่าวชี้แจงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ในฐานะ ผอ.ศอฉ.ให้สัมภาษณ์โต้แย้งข้อกล่าวหาของดีเอสไอว่า เป็นไปตามหลักกฎหมายที่ผู้ต้องหาจะให้การอย่างหนึ่งอย่างใดได้ในทุกมิติ ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จก็ถือว่ามีสิทธิ์ตามกฎหมายอย่างเต็มที่ และเรื่องปกติของการดำเนินคดี ทั้งนี้ ผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้เป็นอดีตผู้นำประเทศและเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ดีเอสไอจะไม่โต้แย้งในทุกๆ เรื่อง แต่จะปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ อย่างไรก็ตาม คดีนี้ถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่มีโทษสูงมาก ขณะนี้ทั้งสองคน ยังไม่มีพฤติการณ์ผิดเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อ แม้จะไม่เซ็นรับเงื่อนไขของดีเอสไอ ก็จะไม่ส่งตัวไปศาลเพื่อขอฝากขัง แต่ได้แจ้งเตือนให้ระมัดระวังไม่ให้มีพฤติการณ์หลบหนี หรือยุ่งเหยิงพยาน สำหรับเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศไม่ต้องขออนุญาต แต่ดีเอสไอจะติดตามเอง
ทั้งนี้ สำหรับพฤติการณ์การกระทำความผิด 10 หน้ากระดาษนั้น นายอภิสิทธิ์เซ็นชื่อรับทราบข้อหา ซึ่งในการแจ้งข้อกล่าวหา อัยการทั้ง 2 คน 1 ในนั้น คือ นายภาณุพงษ์ โชติสิน รองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ก็ร่วมเซ็นชื่อด้วย จึงเป็นไปไม่ได้ที่อัยการจะไม่มีมติร่วมให้แจ้งข้อกล่าวหากับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ดีเอสไอถือว่าการแจ้งข้อกล่าวหาเสร็จสมบูรณ์ครบถ้วน ซึ่งดีเอสไอพยายามให้เกียรตินายอภิสิทธิ์ ในฐานะอดีตนายกฯ ที่ผ่านมาเราไม่เคยอนุญาตให้มีผู้เข้าร่วมรับฟังการสอบสวนมากขนาดนี้ จึงทำให้มีผู้ติดตามนายอภิสิทธิ์รวมถึงนายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ และผู้ใหญ่อีกหลายท่าน เข้าไปนั่งเต็มห้องสอบสวน และยกโทรศัพท์ถ่ายรูปกันตลอดเวลา ภาพพิมพ์มือที่หลุดออกไปไม่ชัดเจนว่ากำลังถูกจับพิมพ์ลายนิ้วมือ แต่มีการบรรยายใต้ภาพว่าเป็นภาพประวัติศาสตร์ ซึ่งตนสั่งให้ตั้ง พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผบ.สำนักคดีการเงินการธนาคาร เป็นกรรมการสอบสวนแล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะสอบสวนแล้วเสร็จเมื่อใด เพราะในห้องสอบสวนมีคนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ติดตามของนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ซึ่งยกโทรศัพท์ถ่ายรูปกันตลอดเวลา
เมื่อถามว่า มีการระบุว่าผู้ที่ถ่ายภาพขณะพิมพ์มือและนำออกไปเผยแพร่คือ พ.ต.ท.ถิรพล พิณเมืองงาม พนักงานสอบสวนดีเอสไอ นายธาริตกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ เพราะทุกคนมีโทรศัพท์มือถือ แต่ยืนยันว่ากรณีนี้จะไม่มีการโยนความผิดไปให้พนักงานลูกจ้างที่ถูกเรียกเข้าไปบันทึกภาพ ซึ่งบรรยากาศการสอบสวนตึงเครียดมาก จนตนต้องกดไมโครโฟนตัดบทเป็นระยะๆ ว่า ตนพร้อมรับผิดชอบ เพื่อเป็นหลักประกันให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีความมั่นใจในการทำงาน หลายคนเตือนให้ตนลาออกจากการเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ ซึ่งตนยังยืนยันว่าทำไม่ได้ เพราะคดีนี้ไม่ได้ทำโดยลำพัง ตนเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้ และไม่อยากเอาตัวรอดโดยปล่อยให้ลูกน้องต้องรับแรงเสียดทาน บรรยากาศการทำงานที่ไม่ราบเรียบและมีภาวะตึงเครียด ทำให้กังวลว่าจะต้องปกป้องและประคับประคองลูกน้องให้ทำงานภายใต้แรงเสียดทานได้อย่างไร
“ผมต้องทำอย่างนี้เพื่อรักษาองค์กรโดยพร้อมแอ่นอกรับทุกอย่าง อยากชี้แจงอีกครั้งว่า คดีในส่วนของผู้ชุมนุมกว่า 290 คน ถูกดำเนินคดีไปแล้ว ไม่เพียงแค่สั่งฟ้องแต่หลายคดีติดคุกไปแล้ว ขณะที่คดีในส่วนของผู้สั่งการให้สลายการชุมนุมเพิ่งมีการเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาเพียงคดีเดียว สัปดาห์หน้าศาลจะนัดฟังคำสั่งคดีการเสียชีวิตของนายชาติชาย ช่างเหลา และคดีของด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ หลังจากนี้ ดีเอสไอจึงจำเป็นต้องทยอยเรียกผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาเป็นระยะๆ เพราะมีคดีการเสียชีวิตจากเจ้าหน้าที่รัฐและคดีพยายามฆ่ารอการไต่สวนอยู่อีก 34 สำนวน” นายธาริต กล่าว
เมื่อถามถึงข้อโต้แย้งในอำนาจสอบสวน เพราะอาจอยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายธาริต กล่าวว่า หากเป็นคดีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่มิชอบต้องส่ง ปปช. แต่กรณีไม่ใช่การทุจริตหรือแสวงหาผลประโยชน์ให้พวกพ้อง และไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ แต่เป็นการทำเกินหน้าที่ จึงไม่เข้าข่ายมาตรา 157 กรณีนี้เรากล่าวหาว่าทั้ง 2 คน ทำเกินอำนาจหน้าที่ จึงไม่ส่ง ป.ป.ช. ดีเอสไอ วิเคราะห์ข้อกฎหมายแล้วเห็นว่า หน้าที่คือการรักษาความสงบแต่ไม่ทำอะไร และไม่ทำอะไรที่ละเมิดกฎหมาย หากใครเห็นว่าดีเอสไอดำเนินการไม่ถูกต้อง ก็ขอให้ไปดำเนินการตามกฎหมาย รวมถึงนายถาวร เสนเนียม อัยการรุ่นพี่ของตน ซึ่งตนจะไม่ขอโต้ตอบ เพราะเข้าใจดีว่า ต้องออกมาปกป้องหัวหน้าพรรคของตัวเอง
อีกด้านหนึ่ง ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต แถลงข่าวกรณีเดียวกัน ระบุว่า ตนตั้งข้อสงสัยในสาระเนื้อหาที่ดีเอสไอแจ้งว่าไม่ระบุความผิดที่ชัดเจน ว่านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพกระทำการใดๆ เพียงระบุว่า การตายในคดีนี้น่าจะมีสาเหตุมาจากเจ้าหน้าที่ แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใคร ใช้อาวุธอะไร ทิศทางการยิงมาจากที่ใด นอกจากนี้ดีเอสไอยังไม่ให้ความกระจ่างว่าเป็นความผิดของนายอภิสิทธิ์ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นหรือไม่ เพราะหากดำเนินคดีในตำแหน่งนายกฯ ต้องส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการ แต่ดีเอสไอกลับพยายามดึงดังที่จะรับผิดชอบคดีนี้ ตนจึงมองว่าเป็นการรวบรัดทางการเมืองเพื่อดิสเครดิสฝ่ายค้าน ทั้งนี้ สำนวนและความรอบคอบต่างๆของดีเอสไอเป็นที่ชัดเจนว่าทำงานหละหลวม จึงเป็นไปได้ว่าเป้าหมายหลักคงไม่ใช่นำนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพไปสู่กระบวนการยุติธรรม แต่อาจเป็นกระบวนการรบกวนการทำงานโดยเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหาโดยสืบสวนจากกลุ่มเสื้อแดงที่เสียชีวิตเป็นรายบุคคล และยังสะท้อนได้จากคดีเรื่องที่ ปชป.รับเงินบริจาคน้ำท่วมจากอีสท์วอเตอร์ ที่ดีเอสไอแจ้งความผิดถึง 21 คดี ตนจึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอคงไว้ซึ่งความเป็นมืออาชีพ
ส่วนกรณีที่มีภาพนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพกำลังพิมพ์ลายนิ้วมือขณะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาต่อดีเอสไอนั้น ทราบว่ามาจากเฟชบุ๊ค ของผู้ที่ใช้นามว่า “กุหลาบ ปากซัน” ซึ่งในวันดังกล่าว ได้มี พ.ต.ท.ถิรพล พิณเมืองงาม พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 8 และเป็นเพื่อนนักเรียนนายร้อยรุ่นเดียวกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนายการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ซึ่งอยู่ในห้องสอบสวนและได้ถ่ายภาพไว้ ทำให้นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งอยู่ในห้องสอบสวนด้วย ได้แจ้งให้ พ.ต.ท.ถิรพล ลบภาพที่ถ่ายไว้ออก เพราะถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งพ.ต.ท.ถิรพล ก็ได้แจ้งว่าลบภาพดังกล่าวแล้ว แต่ไม่ยอมรับว่าภาพที่หลุดออกมาเป็นของตัวเอง ตนเชื่อว่าภาพดังกล่าวคงถูกส่งตรงให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นภาพแรก และขอให้จับตาดูว่าคนที่ปล่อยภาพดังกล่าว จะได้รับการปูนบำเหน็จอย่างไร ดังนั้นอยากให้ทางนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ดำเนินการสอบสวนและเอาผิดตามกฎหมายว่าเป็นบุคคลใดที่ปล่อยภาพหลุดออกมา เพราะจากภาพดังกล่าวก็น่าจะทราบว่าถ่ายมาจากมุมใด และใครอยู่ในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ในส่วนของพรรคจะรอการดำเนินการตรวจสอบจากดีเอสไอก่อนว่าออกมาเป็นอย่างไร ถึงจะดำเนินการต่อไป
นายชวนนท์ กล่าวเรื่องการไต่สวนคดีก่อการร้ายของ 24 ผู้ต้องหาของกลุ่มเสื้อแดงในวันเดียวกัน ที่นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ไม่เข้ารับการไต่สวน โดยอ้างว่าติดภารกิจเดินทางไปภาคใต้กับนายกฯ นายชวนนท์ กล่าวว่าเป็นเพียงข้ออ้างยื้อเวลารับความผิด และเปรียบเทียบกรณีของนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ กับกรณีของนายณัฐวุฒิ ว่าเป็นคนจริงกับนักต้มตุ๋น เพราะนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพกล้าเผชิญหน้ากับกระบวนการยุติธรรมทั้งที่ไม่ผิด แต่นายณัฐวุฒิขณะอยู่บนเวทีคนเสื้อแดง มีพฤติกรรมเสียงแข็งปากกล้า นายณัฐวุฒิควรจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อให้มีความเท่าเทียมกัน
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงเรื่องที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปภาคใต้เพื่อพูดคุยปัญหาในพื้นที่ ว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ยังไม่มีสิ่งใดจับต้องได้เป็นรูปธรรม ข้อเสนอต่างๆ ทั้งเรื่องเงินเยียวยาครูผู้เสียชีวิต เรื่องพักหนี้เงินกู้ฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครู (ช.พ.ค.) ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง นางสาวยิ่งลักษณ์บอกเพียงว่าจะรับเรื่องต่างๆไป ซึ่งตนขอร้องว่านางสาวยิ่งลักษณ์ต้องเอาจริงเอาจัง ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ กำหนดยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหา และสร้างขวัญกำลังใจให้ประชาชน อย่างไรก็ตาม ตนตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดจึงแต่งตั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดูแลเรื่องปัญหาภาคใต้ ทั้งที่ก่อนหน้าที่ ร.ต.อ.เฉลิมพูดเองว่าไม่อยากรับผิดชอบปัญหาภาคใต้ และนางสาวยิ่งลักษณ์เองยังเคยบอกว่าไม่จำเป็นต้องแต่งตั้งบุคคลเป็นการเฉพาะ เหตุใดยุทธศาสตร์การดำเนินการจึงกลับไปกลับมา