โฆษก ปชป.เหน็บพวกวิจารณ์ญัตติซักฟอก เป็นคนนอกสภา ปุ่มเปิดไมค์สภาอยู่ตรงไหนก็ยังไม่รู้ ยันการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในการตรวจสอบ อย่าปากกล้าขาสั่น ท้า “นายกฯ ปู” เตรียมคำชี้แจงให้ดีๆ ย้ำรัฐบาลไร้ประสิทธิภาพในการทำงาน เอานักปราศรัยบนเวทีม็อบมาเป็น รมต. สร้างความเสียหายให้บ้านเมือง ขณะเดียวกันยังไม่จริงใจในการแก้ปัญหาภาคใต้ “ยิ่งลักษณ์” เฉียดใต้แค่ 3 ครั้ง
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเตรียมข้อมูลเพื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคประชาธิปัตย์นั้น เป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านที่ดีที่จะใช้เวทีรัฐสภาตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือ ฝ่ายรัฐบาลเมื่อได้ยินว่าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ออกอาการปากกล้าขาสั่น ออกมาท้าทายฝ่ายค้าน แต่ส่วนใหญ่บุคคลที่ออกมาแสดงอาการล้วนแต่เป็นคนที่อยู่นอกสภาฯ ปุ่มเปิดไมค์สภาอยู่ตรงไหนยังไม่รู้ และไม่มีหน้าที่ตอบคำถามในสภา
นายชวนนท์กล่าวว่า บุคคลที่ฝ่ายค้านต้องการให้ตอบคำถาม ตอบข้อเท็จจริง ตอบข้อสงสัย ในการทำงานของรัฐบาล คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตี หากรัฐบาลมั่นใจว่าได้ทำงานอย่างเต็มที่ ตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้ ไม่มีการทุจริตคอรัปชั่น ก็ให้เตรียมข้อมูลเหล่านั้นไว้
“หลายอย่างที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นคือรัฐบาลไร้ประสิทธิภาพในการทำงาน ยกตัวอย่าง การตอบกระทู้สดของนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ เรื่องราคายาง เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการเอานักปราศรัยทางการเมือง นักเคลื่อนไหวจัดตั้งม็อบมาเป็นรัฐมนตรี สร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองมาก”
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงแนวทางการแก้ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลว่า ไม่อยากให้รัฐบาลคิดเหมือน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่าหากแก้ปัญหาภาคใต้ไม่ได้ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะชนะเลือกตั้ง ซึ่งตนเห็นว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็พูดชัดเจนแล้วว่า ขอให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยแก้ปัญหาภาคใต้ให้ได้ จะแพ้การเลือกตั้งก็ไม่เป็นไร และที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ก็พยายามให้คำแนะนำรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาภาคใต้มาโดยตลอด แต่รัฐบาลกลับกล่าวหาว่าที่ผ่านมานโยบายแก้ปัญหาไฟใต้ 99 วันของพรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถทำได้
สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้ตั้งคณะทำงานเข้ามาแก้ปัญหาอย่างเป็นเอกภาพ โดยปรับโครงสร้าง ศอ.บต.ให้ขึ้นตรงกับนายกฯ มีกฎหมายรองรับ ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน 4 อำเภอ ในจ.สงขลา รวมทั้งมีแผนยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ อ.เบตง จ.ยะลา ขณะที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาได้นำคนของตัวเองไปกินตำแหน่งศอ.บต. เพื่อรอกินตำแหน่งปลัดกระทรวง รวมถึงการเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เดินทางไปเจรจากับผู้ก่อการร้ายที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้สถานการณ์ไฟใต้ลุกโชน เพราะกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ไปคุยด้วยก็พยายามแสดงศักยภาพออกมาว่าเขายังอยู่ และคำพูดท้าทายของผู้มีอำนาจในรัฐบาล แม้จะไม่ใช้คำว่า “โจรกระจอก” แต่ก็เริ่มหลุดคำว่า “กองโจร” และ “ความรุนแรง” ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการก่อเหตุมากเกิดขึ้น
“รัฐบาลไม่ได้แก้ปัญหาอย่างจริงจัง พอเกิดระเบิดหนึ่งครั้งก็ตั้งรองนายกฯ เข้ามาดูถึง 3 คน มั่วไปหมด สร้างความสับสนในสายบังคับบัญชา และจะเป็นการสร้างเงื่อนไขในการแก้ปัญหาด้วย รวมถึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมามากมาย ซึ่งผมไม่แน่ใจว่านายกฯ จะจำหน่วยงานที่ตัวเองตั้งขึ้นทั้งหมดได้หรือไม่ และตลอด 1 ปีที่ผ่านมานายกฯ เฉียดภาคใต้เพียงแค่ 3 ครั้งเท่านั้น คือ ครั้งที่ 1. เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2554 เป็นประธานเปิดงาน “5 ธันวา รวมพลังคนไทย รวมหัวใจถวายพระพร” ที่ อ.หาดใหญ่ ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2555 ลงพื้นที่ 2 วันให้หลังเกิดเหตุการณ์คาร์บอมที่ รร.ลีการ์เดนส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ และครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2555 ไปค่ายสิรินธร จ.ปัตตานี ตั้งกอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า โดยไม่ได้บอกประชาชน แต่ให้ประชาชนเดินทางไปที่ค่ายสิรินธร”
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ขณะนี้มีวิทยุเสื้อแดงบางจังหวัดที่กล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลังความรุนแรงในภาคใต้ รวมถึงจัดฉากให้นายอภิสิทธิ์ ลงไปในพื้นที่นั้น ตนอยากเรียกร้องให้เสื้อแดงได้ใช้สติ อย่าฟังเรื่องที่ปัญญาอ่อนยิ่งกว่าการ์ตูน เพราะนายอภิสิทธิ์ลงพื้นที่ก็ใจคอไม่ค่อยดี หวาดเสียวหลายครั้ง ขบวนรถยางแตก แต่ก็ต้องลงพื้นที่เพื่อดูแลประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน และอดีตนายกฯ ทั้งๆ ที่ไม่มีคนมาคอยคุ้มกัน และเหตุการณ์ในครั้งนี้ประชาชนต้องการกำลังใจ และอยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงไปในพื้นที่ แต่หากไม่กล้าตนเชื่อว่านายอภิสิทธิ์ ยินดีที่จะพาไป
นายชวนนท์ยังถึงกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาวิจารณ์ความไม่เหมาะสมของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีแนบท้ายญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า นายพร้อมพงศ์เป็นคนปากกล้าขาสั่น ไม่ใช่นักเลงจริง เพราะนักเลงจริงจะไม่ทำร้ายผู้หญิง เพราะการพูดจาเป็นลักษณะของการตีกิน ไม่กล้ารับการตรวจสอบ ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมรับการตรวจสอบกรณีการเกณฑ์ทหารอย่างเต็มที่ แต่ขณะนี้เป็นวาระการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือ เตรียมตอบคำถามในการแก้ปัญหาต่างๆ ให้ได้