xs
xsm
sm
md
lg

เป็นเด็กทักษิณ ต้องไวท์ลาย โกหกไว้ก่อน ยุทธศาสตร์หลักของพรรคเพื่อไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ฝั่งขวาเจ้าพระยา

ประธานคณะกรรมการ ธนาคารแห่งประเทศไทย นายวีรพงษ์ รามางกูร เพิ่งจะถูกกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ จับโกหกไปหยกๆ ที่ไปแอบอ้างว่า ไอเอ็มเอฟเห็นด้วยว่า การกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ ใช้ไม่ได้แล้ว

คล้อยหลังไปไม่กี่วัน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับเองว่า พูดโกหก ที่เคยบอกว่า การส่งออกของไทยปีนี้ จะโต 15 % เพราะตัวเขาเองรู้ดีว่า ไม่ถึงแน่นอน แต่ที่ต้องโกหก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ ถ้าพูดความจริงว่า ตัวเลขส่งออกของไทยจะเติบโตไม่ถึง 15 % ก็จะทำให้ ความมั่นใจของนักลงทุนมีปัญหา ดังนั้น จึงขอไม่พูดจริงในบางเรื่อง หากเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ดี เหมือนภาษาอังกฤษ เขาเรียกว่า "White lie ที่แปลว่า โกหกสีขาว ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และ รมว.คลัง จะได้รับอนุญาตให้พูดเรื่องไม่จริงในบางเรื่องก็ได้

White lie หมายถึง การโกหกในเรื่อง ที่หากพูดความจริงออกไปแล้ว อาจจะเกิดผลเสียมากกว่าการพูดความจริง เป็นการโกหกที่ให้อภัยได้

เมื่อเร็วๆนี้ นายธารินทร์ นิมมาณเหมินท์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์เว็บไซต์ ไทย พับลิก้า ในโอกาสที่วิกฤติต้มยำกุ้งครบรอบ 15 ปีว่า ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ให้คนไทยได้รับรู้ เพราะเห็นว่า พูดไปก็ไม่เกิดประโยชน์ มีแต่จะทำให้หมดกำลังใจ หากรู้ว่า ตอนนั้น เงินทุนสำรองของไทยหมดแล้ว และแบงก์ไทยเจ๊งแล้ว จึงขอ white lie ดีกว่า

นช. ทักษิณ ชินวัตร พูดนับครั้งไม่ถ้วน เวลาปราศรัยกับคนเสื้อแดงว่า ปีนี้ จะกลับบ้าน แต่ก็ยังไม่ได้กลับเสียที อย่างนี้ พอจะ เข้าข่ายโกหกสีขาว เพื่อปลุกปลอบขวัญคนเสื้อแดง ให้มีกำลังใจ สู้เพื่อตัวเองต่อไป

แต่การโกหกของนายกิตติรัตน์ ในเรื่องเป้าหมายการส่งออก เป็นการโกหกในเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจที่มีความสำคัญ และคนที่พูดโกหก เป็นผู้ที่อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีคลัง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส้ร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ ต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย

เมื่อผู้ที่ได้รับการคาดหวังว่า คำพูดของเขา จะต้องเชื่อถือได้ ยอมรับเสียเองว่า พูดโกหกแล้ว ต่อไปนี้ นักลงทุน และคนไทยทั่วไป ก็จะต้องตีความกันเอาเองว่า สิ่งที่นายกิตติรัตน์พูด เป็นจริงหรือเป็นเท็จ นายกิตติรัตน์ อาจจะต้องมีหมายเหตุต่อท้ายคำพูดของตนทุกครั้งว่า ( white lie โปรดใช้วิจารณญาณในการฟัง) เพื่อช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ข้ออ้างของนายกิตติรัตน์ที่ว่า ต้องโกหกในเรื่องเป้าหมายการส่งออก 15 % เพื่อให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นนั้น ถือเป็นการดูถูกนักลงทุน ผู้ประกอบการอย่างร้ายแรงว่า คิดเองไม่เป็น ต้องฟังรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจบอกว่า ยอดส่งออกปีนี้จะเป็นเท่าไร ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผู้ส่งออก ทั้งหลาย เขารู้ดีกว่ารัฐบาลว่า ภาวะการส่งออกเป็นอย่างไร ไม่มีใครเชื่อนายกิตติรัตน์ ตั้งแต่แรกแล้วว่า การส่งออกปีนี้ จะโต 15 % ที่นายกิตติรัตน์ยอมรับว่าพูดโกหก จึงไม่มีใครถือสาอะไร เพราะทุกคนไม่เชื่อแต่แรกแล้ว ทุกคนเห็นว่า นายกิตติรัตน์ พูดกับตัวของเขาเองมากกว่าว่า “โต้ง เลิกหลอกตัวเองได้แล้วนะ”

นายกิตติรัตน์ จำเป็นต้องสารภาพว่า ตัวเองพูดเท็จ เพราะไม่อาจฝืนความจริงต่อไปได้ ความจริงนี้ก็คือ ตัวเลขของสภาพัฒน์ ที่ยืนยันว่า ปีนี้การส่งออกของไทยจะโตแค่ 7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ถ้าไม่มีตัวเลขนี้ออกมา นายกิตติรัตน์ก็คงจะโกหกตัวเองต่อไป นอกจากนั้นแล้ว ยังต้องการกลบเกลื่อน ความจริงที่ว่า ตัวเองนั้น ไม่มีน้ำยา ที่จะผลักดันให้การส่งออกไปถึงเป้าหมายได้

การอ้างว่า ต้องโกหกสีขาว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนนั้น จึงเป็นการโกหกซ้ำ กล่าวคือ โกหกว่า ที่โกหกครั้งแรกเพราะต้องการสร้างความมั่นใจ แต่ความจริงแล้ว โกหกครั้งที่สองนี้ เพราะไม่สามารถโกหกประชาชนได้อีกต่อไปแล้วว่า การส่งออกจะโต 15 % เพราะมีตัวเลขฟ้องอยู่

แค่เรื่อง การขยายตัวของการส่งออก ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะโกหกกันได้ นายกิตติรัตน์ยังโกหก แล้วเรื่องอื่นๆ ซึ่งไม่มีพยานหลักฐานชัดเจน จะแน่ใจได้อย่างไรว่า เป็นความจริง นับตั้งแต่เรื่อง การรับจำนำข้าว ทีนายกิตติรัตน์ยืนยันว่า ไม่มีความเสียหาย ถ้ารัฐขาดทุนมากกว่า 60,000 ล้านบาท จะลาออก
( white lie : เค้าอนุญาต ให้รัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลัง ไม่ต้องพูดเรื่องจริงบางเรื่องก็ได้ ที่ผมต้องโกหก เพื่อกดดันให้ทุกฝ่ายที่รับผิดชอบ ในการจำนำข้าว ต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ให้ขาดทุนมากกว่า 60,000 ล้านบาท) เรื่อง ประเทศไทยมีเงินทุนสำรองสูงเกินความจำเป็น ประเทศไทยมีเงินออมมาก แบงก์ชาติควรเอาเงินออกมาลงทุน (white lie : ผมต้องการสร้างแรงกดดัน ให้แบงก์ชาติ จะได้ลุกขึ้นมาคิดทำอะไรใหม่ๆบ้าง เท่านั้นเอง )
 

การที่นายกิตติรัตน์ ยอมรับว่า พูดโกหก สะท้อนถึงความหน่อมแน้มในทางการเมือง ดูอย่าง นายวีรพงษ์ ถึงวันนี้ ยังไม่ออกมาพูดเรื่อง ไอเอ็มเอฟจับโกหกเลย ปล่อยให้เรื่องเงียบไปเอง ความจริงแล้ว การพูดโกหกไว้ก่อน โกหกบ่อยๆ ถือเป็นยุทธศาสตร์หลักของพรรคเพื่อไทย นับตั้งแต่ตัวนายกรัฐมนตรีลงมา ลองไล่ดูก็จะเห็นได้ชัดนับตั้งแต่ เรื่อง แก้ไขปัญหาน้ำท่วม ที่นายกฯนกแก้ว ท่องสคริปต์ว่า “ เอาอยู่” นโยบายสร้างความปรองดอง การแก้ไขkปัญหาค่าครองชีพ คำสํญญาว่า ราคายางพาราจะขึ้นไปถึง กิโลกรัมละ 120 บาท ของนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ

เรื่องที่โกหกบ่อยๆ โกหกทุกอาทิตย์คือ โครงการรถไฟฟ้า สารพัดสี 20 บาทตลอดสาย ผ่านมา 1 ปี นับตั้งแต่เป็นรัฐบาล ไม่มีความคืบหน้าต่อยอดจากที่รัฐบาลชุดที่แล้ว เริ่มไว้แม้แต่เส้นทางเดียว ผลงานเดียวที่เกิดขึ้นคือ การส่งผู้บริหารชิน แซทเทลไลท์ไปยึดเก้าอี้ผู้ว่า รฟม. และความพยายามไล่ฮุบรถไฟฟ้าบีทีเอส

อีกเรื่อหนึ่งคือ โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่มีข่าวทุกสัปดาห์ว่า จะเปิดประมูลเส้นนั้น เส้นนี้ ภายในปีนั้น ปีนี้ ล่าสุด ประธานที่ปรึกษานโยบาย นายกรัฐมนตรี พันศักดิ์ วิญญรัตน์ บอกว่า อีก 6 ปี คนไทยจะสามารถนั่งรถไฟไปปารีสได้ โดยใช้เวลาเพียง 4 วัน

สัปดาห์ที่แล้ว รถไฟบัตเตอร์เวิร์ธ - กรุงเทพ ตกรางที่พัทลุง การรถไฟแห่งประเทศไทย ใช้เวลา 2 วัน 2 คืน สำหรับการกู้โบกี้และซ่อมทาง อย่างนี้ ไม่เรียกว่า โกหกไว้ก่อน แก้ตัวทีหลัง จะเรียกว่าอะไร
กำลังโหลดความคิดเห็น