“ปู” เป็น ปธ.เปิดโครงการพัฒนาผู้นำสตรีมุสลิม 14 จว.ใต้ ช่วยเสริมความพร้อมทุกด้าน และความเท่าเทียม 2 เพศในการแสดงออก รับไทยให้โอกาสสตรี จากการที่เป็นนายกฯ หญิงคนแรก รับ รบ.เน้นนโยบายสตรี มีหลายหน่วยงานดูแล ใช้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ร่วมองค์กรเป็นกลไกให้สตรีพัฒนาประเทศ สังคม ชี้ก้าวแรกไม่ง่ายพร้อมลุยให้สำเร็จ ขอใช้เงินกองทุนให้ทั่วถึงภาคใต้ พร้อมสร้างอนาคตสตรีไทย และสัตยาบันผู้นำสตรีมุสลิม 14 จว.ใต้
วันนี้ (11 ธ.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดโครงการพัฒนาหลักสูตรการพัฒนาภาวะผู้นำสำหรับสตรีมุสลิมใน 14 จังหวัดภาคใต้ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวตอนหนึ่งว่า จากโครงการนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้กับสตรีมุสลิมที่มีความพร้อมในการพัฒนา ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ทั้งนี้เรื่องความเสมอภาคระหว่างหญิง-ชายยังมีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องการให้สตรีได้เข้ามามีส่วนรวมในการแสดงออกทางความคิดเห็น และการสร้างความเสมอภาค ซึ่งตนมีความยินดีที่ได้ทำงานนี้เพื่อตอบโจทย์ในการพัฒนาศักยภาพสตรีร่วมกัน ซึ่งตัวเองนอกจากจะได้รับโอกาสในฐานะสตรีคนหนึ่งที่ก้าวมาได้รับการยอมรับจากประชาชนถือว่าเป็นเกียรติประวัติอย่างสูงสุดที่ได้มีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ถือว่าประเทศไทยให้โอกาสสตรี ถ้าเราร่วมกันบูรณาการในการที่จะทำให้สตรีมีความเสมอภาค และส่งเสริมเสรีภาพให้สตรีไทยนั้นได้ก้าวขึ้นไป ในการเสริมคุณภาพชีวิตให้แก่ครอบครัว และเป็นพลังสังคม ก็เชื่อว่าจะเป็นสิ่งที่ดีต่อโดยรวมและโดยเฉพาะในกลุ่ม 14 จังหวัดในภาคใต้
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อว่า ในการเข้ามาเป็นรัฐบาลแน่นอนว่านโยบายสตรีถือว่าเป็นหนึ่งในวาระเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งเราเองก็มีการจัดตั้งกลไกของรัฐทุกรูปแบบ ซึ่งนอกจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่เป็นกระทรวงร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ยังมีอีกหลายกระทรวง และสำนักนายกรัฐมนตรีเองที่ได้ตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ ถือว่าเป็นกลไกของรัฐที่จะร่วมผนึกสรรพกำลัง และความร่วมมือจากองค์กรต่างๆ ที่จะเข้ามาทำงานในการดูแลคุณภาพสตรี ทั้งเรื่องความเท่าเทียมตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาไปจนถึงเชิงตะกอน การสร้างความเท่าเทียม การสร้างศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ การวางยุทธศาสตร์ให้สตรีก้าวไปการพัฒนาศักยภาพของประเทศ และการสร้างเครือข่ายการทำงานขององค์กรของสตรีทุกระดับ ตรงนี้เป็นนโยบายหลักที่จะร่วมกันทำงาน ซึ่งความสำเร็จวันนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีสตรีเครือข่ายที่จะทำงานร่วมกัน ตนหวังว่าก้าวแรกที่เริ่ม อาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความมุ่งมั่นของทุกคน ทุกหน่วยงาน และทุกเครือข่าย ก็เชื่อว่าการพัฒนาวิถีอิสลามใน 14 จังหวัดภาคใต้จะก้าวไปพร้อมกันในการช่วยกันโครงการนี้ให้ประสบความสำเร็จ และส่งเสริมให้ผู้หญิงได้ใช้ศักยภาพของตนเองช่วยพัฒนาชุมชน และสังคม
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ขอฝากให้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติได้ใช้กองทุนนี้เข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อที่จะสามารถต่อยอดศักยภาพของสตรีใน 14 จังหวัดภาคใต้ การเสริมเครือข่ายมุสลิมที่จะเป็นกำลังสำคัญในการผลักดัน เพื่อพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิต ร่วมกันในการแก้ปัญหา อุปสรรค์ต่างๆ ที่จะช่วยกันให้เกิดความเสมอภาคระหว่างหญิง-ชาย และการดูแลสตรีในทุกวัย และตนขอให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ ซึ่งจะเป็นโครงการที่จะขยายความร่วมมือไปในแนวกว้าง พร้อมกับสร้างความแน่นแฟ้นให้กับอนาคตของสตรีไทย และอนาคตของประเทศไทยร่วมกัน
จากนั้นนายกรัฐมนตรีพร้อมนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทย น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามสัตยาบันผู้นำสตรีมุสลิมใน 14 จังหวัดภาคใต้